posttoday

‘ดิสนีย์’ ทุ่มซื้อ ‘ฟ็อกซ์’ ตะลุยโลก-รุกดิจิทัล

16 ธันวาคม 2560

กลายเป็นเรื่องสะเทือนวงการสื่อมวลชนและอุตสาหกรรมภาพยนตร์เมื่อ "วอลท์ ดิสนีย์" ธุรกิจ

โดย ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

กลายเป็นเรื่องสะเทือนวงการสื่อมวลชนและอุตสาหกรรมภาพยนตร์เมื่อ "วอลท์ ดิสนีย์" ธุรกิจสื่อยักษ์ใหญ่ชื่อก้องโลก เข้าซื้อธุรกิจภาพยนตร์ โทรทัศน์ และธุรกิจสื่อในต่างประเทศจาก "ทเวนตี เฟิร์สต์ เซนจูรี ฟ็อกซ์"เนื่องด้วยวงเงินสูงถึง 5.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 ล้านล้านบาท) โดยนอกจากจะเป็นการรวมสตูดิโอภาพยนตร์ที่ทำเงินรวม 1 ใน 3 ของบ็อกซ์ออฟฟิศไปอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแล้ว ยังเป็นการก่อกำเนิดบริษัทยักษ์ใหญ่ที่พร้อมขยายกิจการไปทั่วโลก

บริษัทยักษ์ใหญ่ดังกล่าวพร้อมเสริมแกร่งธุรกิจในตลาดเอเชียและยุโรป รวมถึงตลาดที่กำลังร้อนแรง และเรียกได้ว่าเป็น "อนาคต" ของสื่ออย่างตลาดดิจิทัลด้วย

นิตยสารวาไรตี้ ซึ่งติดตามข่าวสารในแวดวงบันเทิง รายงานว่า ในเอเชียนั้น ภาพยนตร์ของดิสนีย์ ซึ่งรวมถึงสตูดิโอดังอย่าง "ลูคัสฟิล์ม" ผู้สร้าง "สตาร์วอร์ส" และ "มาร์เวลสตูดิโอ" ผู้สร้างจักรวาลภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ ดึงดูดผู้ชมชาวเอเชียได้ดีกว่าฟ็อกซ์ โดยเฉพาะกับตลาดใหญ่อย่างจีน เช่น "ธอร์" และ "ไพเรทส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน" ภาคใหม่ต่างทำเงินได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,200 ล้านบาท) ขณะที่ "โคโค่" แอนิเมชั่นจากค่ายพิกซาร์ซึ่งอยู่ใต้ชายคาดิสนีย์ ทำเงินได้มากกว่า 130 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,100 ล้านบาท) จากตลาดจีน

‘ดิสนีย์’ ทุ่มซื้อ ‘ฟ็อกซ์’ ตะลุยโลก-รุกดิจิทัล

ภาพยนตร์ของฟ็อกซ์บางเรื่องสามารถจับใจชาวจีนได้เช่นกัน อาทิ แฟรนไชส์ "คิงส์แมน" "แพลเน็ทเอปส์" และ "โลแกน" ซึ่งสร้างจากการ์ตูนของมาร์เวล ต่างทำเงินได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,200 ล้านบาท) ในปีนี้ โดยอดีตพนักงานคนหนึ่งของฟ็อกซ์ เปิดเผยกับวาไรตี้ว่า ตัวละครจากภาพยนตร์ในค่ายฟ็อกซ์มีแนวโน้มจะไปปรากฏตัวในดิสนีย์แลนด์ เซี่ยงไฮ้ เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในด้านของสื่อโทรทัศน์ ดิสนีย์กลับตามหลังฟ็อกซ์อยู่มากสำหรับตลาดเอเชีย โดยฟ็อกซ์มีเครือข่ายทีวี "สตาร์" เป็นผู้นำด้านเพย์ทีวีของอินเดียที่นิยมภาพยนตร์ท้องถิ่น ทำให้ฟ็อกซ์มีช่องทางในการเผยแพร่เนื้อหาของตัวเองในประเทศอินเดีย ซึ่งจากข้อมูลของรอยเตอร์ส ระบุว่า อินเดียเป็นตลาดทีวีเคเบิลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 และมีผู้ชมมากถึง 154 ล้านครัวเรือนเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ในการซื้อขายกิจการครั้งนี้ ดิสนีย์ยังได้หุ้นของฟ็อกซ์ที่ถือใน "สกาย" เพย์ทีวีของอังกฤษซึ่งเผยแพร่ภาพทั่วยุโรป รวมถึงตลาดสำคัญอย่างอังกฤษ เยอรมนี และอิตาลี โดยแม้ในปัจจุบันฟ็อกซ์ยังถือหุ้นดังกล่าวในสัดส่วน 39% แต่ฟ็อกซ์กำลังอยู่ระหว่างเข้าซื้อ "สกาย" คิดเป็นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.8 แสนล้านบาท) และกำลังรอการอนุมัติจากทางการอังกฤษ หลังผ่านการอนุมัติจากสหภาพยุโรป (อียู)

รุกสตรีมมิ่งแข่งเน็ตฟลิกซ์

ภายใต้ข้อตกลงระหว่างดิสนีย์และฟ็อกซ์ ดิสนีย์จะได้ถือหุ้นของฟ็อกซ์ที่ถือใน "ฮูลู" บริการสตรีมมิ่งออนไลน์ 30% ทำให้ดิสนีย์ ซึ่งเป็นเจ้าของช่องเอบีซีที่ถือหุ้นอยู่ในฮูลูด้วย 30% จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในผู้บริการสตรีมมิ่งดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ คอมแคสต์ บริษัทโทรคมนาคมสนใจซื้อฟ็อกซ์เพราะต้องการหุ้นที่ถือในฮูลูเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ ดิสนีย์เคยประกาศจะนำภาพยนตร์ออกจากแพลตฟอร์มของเน็ตฟลิกซ์ ผู้นำในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่ง ทั้งหมด และหันไปเปิดบริการ สตรีมมิ่งของตัวเองในปี 2019 โดยการได้ฟ็อกซ์เข้ามาในครั้งนี้ ยังทำให้ดิสนีย์มีกำลังในการสร้างคอนเทนต์ออริจินัลลงบริการสตรีมมิ่งได้มากขึ้น เมื่อคู่แข่งต่างกำลังลงทุนคอนเทนต์ในลักษณะดังกล่าว เช่น อเมซอน ที่ลงทุนอย่างน้อย 4,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.4 แสนล้านบาท) ปีนี้ และเน็ตฟลิกซ์ ที่ลงทุนสูงถึง 8,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.56 แสนล้านบาท) ในปีหน้า

บ็อบ ไอเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของดิสนีย์ ระบุว่า เทคโนโลยีใหม่จะช่วยตอบรับความต้องการของผู้ชน ซึ่งต้องการรับชมคอนเทนต์ในเวลาที่ผู้ชมต้องการ

"การควบรวมกิจการในครั้งนี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของวงการสื่อ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และความคาดหวังของผู้บริโภคที่พัฒนาเปลี่ยนไปจากเดิม" บ็อบ ไอเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของดิสนีย์ กล่าว

‘ดิสนีย์’ ทุ่มซื้อ ‘ฟ็อกซ์’ ตะลุยโลก-รุกดิจิทัล

ห่วงปลาใหญ่ผูกขาด

การควบรวมกิจการระหว่างธุรกิจด้านเดียวกัน มักสร้างความกังวลให้กับทางการสหรัฐต่อสภาพการแข่งขัน โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ยื่นฟ้องการควบรวมกิจการระหว่างเอทีแอนด์ที ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และไทม์วอร์เนอร์ บริษัทสื่อ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้มีอำนาจในการกำหนดราคาเพย์ทีวี และทำให้การแข่งขันน้อยลง

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างผู้เชี่ยวชาญว่า ดิสนีย์ที่เตรียมรวบเอาเครือข่ายช่องฟ็อกซ์กีฬาภูมิภาคเข้ามา แม้ดิสนีย์จะมีเครือข่ายกีฬาอย่าง "อีเอสพีเอ็น" อยู่แล้ว อาจทำให้ทางการสหรัฐกังวลได้ เนื่องจากอีเอสพีเอ็นเป็นผู้นำช่องกีฬาในสหรัฐ และมีผู้ชม 88 ล้านคนอยู่แล้ว ขณะที่ช่องกีฬาภูมิภาค 22 ช่องของฟ็อกซ์มีผู้ชม 61 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รอยเตอร์ส สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผูกขาดตลาด 5 คน ระบุว่า การซื้อขายระหว่างดิสนีย์และฟ็อกซ์น่าจะผ่านการอนุมัติจากสหรัฐ โดยอาจต้องขายสินทรัพย์บางส่วน เช่นเดียวกับที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐให้เอทีแอนด์ทีและไทม์วอร์เนอร์ขายช่องข่าวซีเอ็นเอ็น หรือมีเงื่อนไขอื่นๆ ตามมา

ทั้งนี้ รอยเตอร์สระบุว่า ภายใต้ข้อตกลงระหว่างดิสนีย์กับฟ็อกซ์ การควบรวมกิจการจะต้องใช้เวลาอีก 12-18 เดือน จึงจะเสร็จสิ้น

ข่าวล่าสุด

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง ซีเกมส์ 2025 รอบรองฯ ไทยดวลอินโดฯ