การไม่มีหนี้(บัตรเครดิต)

เรื่อง บีเซลบับ ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

ข้อควรรู้ที่ไม่ว่าใคร(ที่มีบัตรเครดิต)ต้องรู้ ทำความเข้าใจกันไว้ หรืออย่างน้อยก็กันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วจะแก้ไม่ทัน หนี้บัตรเครดิตในแง่มุมทางกฎหมายถือว่าเป็นแนวทางในการคิดตัดสินใจเรื่องหนี้บัตรของตัวลูกหนี้บัตรเครดิตทุกคน ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากฝ่ายเจ้าหนี้บัตรเครดิต

แง่มุมทางกฎหมายควรรู้

1.หนี้บัตรเครดิตตามกฎหมายถือเป็นคดีแพ่ง ซึ่งการรับผิดทางแพ่งมีเพียงการชำระหนี้และชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น (ไม่มีโทษอาญา)

2.หนี้บัตรเครดิตเข้าข่ายคดีหนี้เหนือบุคคล สถานที่ที่เจ้าหนี้สามารถยื่นฟ้องลูกหนี้ได้แก่ศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล และศาลที่มูลคดีเกิด (ที่ตั้งของสถาบันการเงินที่ลูกหนี้ไปรับบัตรเครดิต)

3.อายุความหนี้บัตรเครดิต โดยทั่วไปเริ่มนับเมื่อเจ้าหนี้ได้แจ้งแก่ลูกหนี้ทราบกำหนดนัดชำระหนี้และเมื่อถึงกำหนดลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนด มีอายุความ 2 ปี

4.เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ลูกหนี้ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ ก็ต่อเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์หรืออายัดสิทธิของลูกหนี้ได้ โดยศาลจะตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อออกหมายยึดและอายัดต่อไปภายใต้กรอบของกฎหมายกำหนด

5.ภายใต้กรอบของกฎหมายบังคับคดี ทรัพย์สินที่จะยึดและอายัดได้ มีข้อกำหนดดังนี้

- ทรัพย์สินที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น โต๊ะกินข้าว เครื่องครัว โทรทัศน์ ฯลฯ มูลค่ารวมกัน 5 หมื่นบาทแรก ห้ามเจ้าหนี้ยึด ส่วนทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น สร้อย แหวน นาฬิกา เจ้าหนี้สามารถยึดได้

- ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินของลูกหนี้ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร (ถ้าประกอบธุรกิจรับถ่ายเอกสาร) มูลค่ารวมกัน 1 แสนบาทแรก ห้ามเจ้าหนี้ยึด กรณีเครื่องมือประกอบอาชีพสูงกว่า 1 แสนบาท แต่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพจริงๆ ก็สามารถขอต่อศาลได้

- หากมีเจ้าหนี้หลายราย ทรัพย์ใดถูกยึดไปแล้ว ห้ามเจ้าหนี้รายอื่นยึดซ้ำ เจ้าหนี้รายใดยึดได้ก่อนก็ได้สิทธิก่อน

6.ถามกันเยอะเรื่องเจ้าหนี้สามารถทำเรื่องขออายัดเงินเดือนลูกหนี้ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ ทั้งนี้ กรณีที่ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ทำเรื่องขออายัดเงินเดือน ถ้าลูกหนี้เพิกเฉยไม่ยอมติดต่อเจ้าหนี้ ไม่ยอมใช้หนี้ หรือตกลงเรื่องการจ่ายเงินไม่ได้ ทนายของฝ่ายเจ้าหนี้ก็อาจจะทำเรื่องได้

สำหรับเกณฑ์การอายัดเงินเดือนของกรมบังคับคดีนั้น หากลูกหนี้เป็นข้าราชการ/ลูกจ้างประจำของหน่วยงานราชการ จะไม่ถูกอายัดเงินเดือน แต่ถ้าเป็นลูกจ้างหรือเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจและพนักงานบริษัท จะถูกอายัดเงินเดือน โดยมีหลักเกณฑ์เรื่องประเภทเงินได้ที่พึงยึดได้และพึงยึดไม่ได้ รวมทั้งขั้นสูงสุดของการอายัดเป็นกรณีไป

เช่น

-ลูกหนี้เงินเดือนไม่ถึง 1 หมื่นบาท อายัดไม่ได้

-ลูกหนี้เงินเดือนเกิน 1 หมื่นบาท อายัดได้ 30%

-เงินโบนัส อายัดได้ไม่เกิน 50%

-เงินตอบแทนการถูกออกจากงาน อายัดได้ไม่เกิน 50%

-เงินค่าตอบแทนต่างๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าสวัสดิการ ค่าที่พัก ค่าตำแหน่ง ฯลฯ อายัดได้เท่าที่เจ้าหนี้สืบทราบได้

-บัญชีเงินฝาก อายัดได้

-เงิน กบข. อายัดไม่ได้

-เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ทำกับบริษัท อายัดไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเงินกองทุนที่ทำกับธนาคาร และไม่มีข้อห้าม อายัดได้

-เงินค่าวิทยฐานะ ข้าราชการอายัดไม่ได้ ถ้าเป็นเอกชน อายัดได้เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือน

-หุ้น ยึดใบหุ้นเพื่อขายทอดตลาดได้ รวมทั้งเงินปันผล ก็สามารถทำเรื่องอายัดได้

-เงินสหกรณ์ อายัดได้

7.กรณีเจ้าหนี้มีคู่สมรสจดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมาย ให้ถือว่าทรัพย์สินภายในบ้านเป็นสินสมรส เจ้าหนี้มีสิทธินำชี้แถลงยืนยันต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี พร้อมนำส่งเอกสารประกอบการยึดทรัพย์ได้ หากทรัพย์ในบ้านเป็นสินสมรสจริง

8.กรณีลูกหนี้บัตรเครดิตเสียชีวิตไปแล้ว ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบภาระหนี้สิน ลูกหนี้บัตรตายลง แต่ความเป็นหนี้ไม่สิ้นสุดลงตามการตายของลูกหนี้ คนมีหนี้ก็ต้องใช้หนี้ โดยกฎหมายระบุว่า เมื่อลูกหนี้บัตรเครดิตสิ้นชีวิต ให้เจ้าหนี้ทวงถามต่อกองมรดกของลูกหนี้เท่านั้น ทั้งนี้ ผู้รับมรดกของลูกหนี้ไม่ต้องรับชำระหนี้เกินวงเงินมรดกที่ได้รับ

การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ การไม่มีหนี้บัตรเครดิตยิ่งต้องนับเป็นลาภอันประเสริฐยิ่งกว่า ก็เพราะอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต รู้กันว่าโหดหิน การเป็นเจ้าของบัตรเครดิตจึงเป็นประโยชน์ที่ควบคู่มากับโทษ ปรัชญาความพอเพียงนำมาใช้ได้กับเรื่องนี้ รวมทั้งแง่มุมทางกฎหมายที่รู้ไว้ ดีกว่าไม่รู้ n