นวัตกรรมนำเทรนด์ ‘ชูเบอร์รี่’
ปิยนุช ผิวเหลืองศูนย์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมจัดเวทีสัมมนา "ปั้นธุรกิจสุดเจ๋ง ด้วยไอเดียล้ำ ทันยุค 4.0" แชร์ประสบการณ์เอสเอ็มอีร้อยล้าน โดยแบรนด์ "ชูเบอร์รี่" (Shuberry) คือหนึ่งในนั้น
ปิยนุช ผิวเหลือง
ศูนย์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมจัดเวทีสัมมนา "ปั้นธุรกิจสุดเจ๋ง ด้วยไอเดียล้ำ ทันยุค 4.0" แชร์ประสบการณ์เอสเอ็มอีร้อยล้าน โดยแบรนด์ "ชูเบอร์รี่" (Shuberry) คือหนึ่งในนั้น
กรกนก สว่างรวมโชค ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Shuberry (ชูเบอร์รี่) แบรนด์สินค้าแฟชั่นและรองเท้าเพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า ได้เริ่มธุรกิจตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื่องจากชื่นชอบการออกแบบและต้องการหาเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัว โดยพบว่าผู้บริโภคในตลาดช่วงเวลานั้นสนใจผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์มากขึ้น จึงเริ่มออกแบบกระเป๋าแฟชั่น จ้างโรงงานผลิต และเสนอแบบเพื่อจำหน่ายให้กับร้านค้าย่านสยาม แหล่งรวมวัยรุ่น โดยความยากลำบากในช่วงเวลานั้นคือการไม่มีเงินลงทุนจำนวนมาก จึงต้องหาโรงงานขนาดเล็กที่ยอมขึ้นแบบให้ก่อน และเมื่อมียอดสั่งจึงผลิตเพิ่มขึ้น
"เราทำมาเรื่อยๆ ผ่านไป 6 เดือน สามารถเก็บเงินได้ 2-3 แสนบาท เนื่องจากในช่วงแรกการเสนอขายสินค้าแม่ค้ารับทั้งหมด เพราะร้านส่วนใหญ่ซื้อสินค้ามาเพื่อขายต่อ ซึ่งต้องการความหลากหลาย" กรกนก กล่าว
อย่างไรก็ตาม มีขึ้นก็ต้องมีลง เมื่อเศรษฐกิจซบเซา ร้านค้าปิดตัวลงจำนวนมาก ยอดขายตก นำไปสู่ความคิดเปิดร้านเป็นของตัวเอง ซึ่งลงทุนจากเงินทุนเดิมที่มี โดยเลือกเปิดสาขาในสยาม ภายใต้แบรนด์ Sexy de cute couture ชูจุดเด่นด้านดีไซน์ ออกแบบเอง มีจำนวนจำกัด สร้างเอกลักษณ์
การเปิดสาขาแรกได้รับผลตอบรับดีเกินคาด โดยในเวลา 2 ปี Sexy de cute couture เปิดสาขาถึง 6 แห่ง ในย่านสยาม บททดสอบครั้งใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้งในปี 2550 จากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ยอดขายทั้ง 6 สาขาตกฮวบ จึงตระหนักได้ว่าร้านค้ากระจุกตัวอยู่ในย่านเดียวกันมากเกินไป อีกทั้งโรงงานที่จ้างผลิตนำแบบสินค้าของทางร้าน ไปเสนอร้านอื่นๆ เช่นกัน เมื่อแข่งขันในกลุ่มสินค้าแบบเดียวกันนำไปสู่การตัดราคา จึงต้องการสร้างแบรนด์เข้าห้าง เป็นจุดเริ่มต้นของการรีแบรนด์ เป็น Shuberry เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ปรับแบรนด์เป็นสินค้าแฟชั่นราคาเข้าถึงได้ เจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงวัย 25-45 ปี
"เราไม่อยากแข่งขันด้านราคา จึงตัดสินใจเปิดโรงงานเป็นของตัวเอง ซึ่งจะสามารถควบคุมแบบได้ดีกว่า และผลิตได้ตามความต้องการมากกว่า" กรกนก กล่าว
ทั้งนี้ เธอใช้เวลาปั้นโรงงานประมาณ 3 ปี ทุกอย่างจึงเริ่มลงตัว เพราะการเป็นผู้ผลิตจะยากในการหาช่าง การเทรนคน การหาคน พอด้านนี้ลงตัว ปัญหาต่อมาคือการผลิตให้เพียงพอ กับความต้องการในตลาด ต้องขยายกำลังการผลิต และที่สำคัญที่สุด คือการบริหารต้นทุน
จุดเปลี่ยนสำคัญ คือ ชูเบอร์รี่ หันมาเจาะกลุ่มผลิตภัณฑ์รองเท้าเพื่อสุขภาพ รุ่น SOFA Shoes หลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุ ข้อเท้าหัก พบว่ามีปัญหาเรื่องการสวมใส่รองเท้ามาก เพราะอุบัติเหตุส่งผลให้เป็นโรครองช้ำ ก่อนหน้านี้มั่นใจในคุณภาพของแบรนด์ตัวเองว่าสวมใส่สบาย แต่ยังไม่รองรับปัญหารองช้ำ เลยตัดสินใจผลิต SOFA Shoes จนได้รับรางวัลนวัตกรรมจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
"ต้องกล้าคิดนอกกรอบ มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค" เธอกล่าว


