posttoday

สังคมกลับตาลปัตร ขาดคติธรรมนำทาง

10 ธันวาคม 2560

ในยุคสมัยคนเหยียบย่ำกันผ่านสื่อสารพัด สังคมเกิดความตาลปัตร ไม่ว่าปัญหาอาชญากรรม อบายมุขหลอกลวง ต้มตุ๋น อนาจาร ล้วนมาจากการขาด

โดย เอกชัย จั่นทองหมายเหตุ อ้างอิง http://dharmaxp.blogspot.com/2016/05/2559.html

ในยุคสมัยคนเหยียบย่ำกันผ่านสื่อสารพัด สังคมเกิดความตาลปัตร ไม่ว่าปัญหาอาชญากรรม อบายมุขหลอกลวง ต้มตุ๋น อนาจาร ล้วนมาจากการขาดซึ่งจิตสำนึกที่หลายคนไม่ทันฉุกคิด หรือประมาทเลินเล่อ ไร้ความตระหนักให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือปฏิบัติ อย่างเหตุการณ์ล่าสุดมีคลิปหลุดเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ภาพเคลื่อนไหวของครอบครัวหนึ่งมีพ่อแม่และลูกชาย โชว์ไลฟ์สดการร่วมเพศเพื่อแลกกับเงินไม่กี่ร้อยบาท สร้างความตระหนกตกใจให้สังคมอย่างยิ่ง กลายเป็นคำถามทำไมศีลธรรมของมนุษย์หายไปไหนกัน

สัปดาห์นี้เลยอยากนำคำสอนคติธรรมต่างๆ ของพระชื่อดังมาย้ำเตือนให้ตระหนักคิดตระหนักทำ อย่างที่หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด บอกไว้ว่า "เจตนานึกคิดเกิดจากจิตใจของเรา ผลของการกระทำก็จะคืนกลับมาหาเรา ไม่ได้ตกหนีไปทางอื่น เพราะว่าต้นเหตุมันอยู่นี่"

เช่นเดียวกับการที่คนเราจะมีบุญวาสนาได้นั้น ต้องเป็นผู้ลงมือทำดีเอง การที่เราจะหมดบุญวาสนานั้น เพราะลงมือทำชั่วเอง ความมีบุญวาสนาหรือ ความไม่มีบุญวาสนา ใครทำให้ใครไม่ได้ เหมือนดอกและผลของต้นไม้ย่อมเจริญเพราะอาศัยดินดี บุญกุศลคุณงามความดีย่อมเจริญงอกงามได้ ก็เพราะคบหา คนดีและศรัทธาความดี ป่าเปลี่ยวเป็นที่ไปของ ฝูงเนื้อ กลางหาวเป็นที่ไปของฝูงนก การสิ้นความกำหนดเป็นเป้าหมายของธรรมะ พระนิพพานเป็นที่ไปของพระอรหันต์

ถัดมาคำสอนของพ่อชา สุภทฺโท วัดหนอง ป่าพง จ.อุบลราชธานี ให้แง่คิดเตือนสติไว้ดีมากๆ ว่า ผู้ใดมี "สติ" ...อยู่ทุกเวลา ผู้นั้นก็จะได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า...อยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเมื่อตามองเห็นรูป...ก็เป็นธรรมะ หูได้ยินเสียง...ก็เป็นธรรมะ จมูกได้กลิ่น...ก็เป็นธรรมะ ลิ้นได้รส...ก็เป็นธรรมะ ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ นึกขึ้นได้เมื่อใด...เป็นธรรมะเมื่อนั้น ข้อความทุกคำแฝงไปด้วยเล่ห์ความดี กระตุกเตือนให้คนเรารู้จักคิดและมีสติเสมอไม่ว่าจะทำการใดก็ตาม

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ สอนลูกศิษย์เสมอว่า "ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่มีความเพียร ไม่มีวันสำเร็จ" หรือ "บารมีต้องสร้างเอา เหมือนอยากให้มะม่วงของตนมีผลดก ก็ต้องหมั่นบำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชมต้นมะม่วงของคนอื่น ต้องไปปลูกไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง การสร้างบารมีก็เช่นกัน ต้องสร้างต้องทำเอาเอง"

แม้แต่คำสอนที่ว่า "เรื่องราวเต็มโลก เต็มบ้านเต็มเมือง เราก็วางเสีย ละเสียการละก็อยู่ที่กาย ที่ใจของตนเองนี่แหละ อย่าไปละที่อื่น การหอบอดีตและอนาคตมาหมักหมมไว้ในใจ ใจก็เป็นทุกข์ ตัดออกให้หมด" ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวที่หลวงปู่แหวนได้ทิ้งไว้ให้ลูกศิษย์ทุกคนได้หวนจดจำคำสอน เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

สังคมกลับตาลปัตร ขาดคติธรรมนำทาง

"ครั้นจะตายแล้วจึงไปนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา กุสลาทำไม! เวลามีชีวิตอยู่ไม่สนใจกับ กุสลา ธมฺมา ตายแล้วถึงจะไปนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา ถ้าอย่างนั้นศาสนาก็ไม่มีความหมายอะไรสิ ก็บวชพระหลวงตาไว้ตามบ้านตามเรือนแห่งละองค์ๆ ไม่ต้องไปสนใจกับอะไร เอ้า สร้างลงไปบาป อยากสร้างบาปขนาดไหนสร้างลงไป เพราะมีหลวงตารับรองอยู่แล้ว พอตายแล้วก็ไปนิมนต์หลวงตามา กุสลา ธมฺมา นาย ก. นี่มันไปไหนมาๆ มันจะไปไหนมันลงนรก! ตั้งแต่หลวงตาก็ไม่รู้ กุสลา ธมฺมา เกิดผลประโยชน์อะไร ให้สร้างเสียเวลานี้ที่มีชีวิตอยู่นี้" คติสอนเตือนใจจากหลวงตา มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

ส่งท้ายด้วยคติธรรมสอนจากพระสงฆ์รูปนี้ที่คนทั้งประเทศรู้จักเคารพนับถืออย่างสนิทใจ เป็นเนื้อนาบุญแห่งวงการพระพุทธศาสนา อย่างหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร ที่ให้โอวาทว่า "การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่น จนอยู่ไม่เป็นสุขนั้นนักปราชญ์ถือเป็นความผิด และบาปกรรมไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนา มาทรมานอย่างไม่คาดฝัน การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรองเป็นการสั่งสมโทษ และบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้น"

คติธรรมเหล่านี้อาจดูเหมือนคำพูดทั่วไป ไม่ได้มีกลิ่น รส รูป เสียง ชวนให้เร้าใจ แต่อักษรทุกคำเนื้อหาทุกบรรทัดหากนำไปปรับใช้ เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ