6 สไตล์คุณพ่อ สร้างวินัยการเงินลูก
การปลูกฝังวินัยการเงิน ส่งเสริมการออม รู้จักใช้ รู้จักเก็บ หากมาเริ่มต้นในทำงานก็อาจช้าไปเสียแล้ว เพราะพฤติกรรมการเงินเป็นอย่างไรในวัยเด็กก็จะถูกสั่งสมมา กลายเป็นนิสัยเมื่อเติบใหญ่ หากคิดแก้ไขพฤติกรรมให้เป็นไปในทางที่ดีเมื่อวัยทำงานก็อาจไม่ทันการ
การปลูกฝังวินัยการเงิน ส่งเสริมการออม รู้จักใช้ รู้จักเก็บ หากมาเริ่มต้นในทำงานก็อาจช้าไปเสียแล้ว เพราะพฤติกรรมการเงินเป็นอย่างไรในวัยเด็กก็จะถูกสั่งสมมา กลายเป็นนิสัยเมื่อเติบใหญ่ หากคิดแก้ไขพฤติกรรมให้เป็นไปในทางที่ดีเมื่อวัยทำงานก็อาจไม่ทันการ
เมื่อไม้อ่อนยังดัดง่ายแต่ถ้ารอจนไม้แก่ก็ดัดยากแล้ว พ่อจึงควรปลูกฝังวินัยทางการเงินที่ดีให้ลูกๆ ตั้งแต่ยังเด็ก มาดูตัวอย่างกันว่าคุณพ่อแต่ละคนมีวิธีปลูกฝังลูกอย่างไร
///////////////////////////////////////////
***ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ซึ่งมีลูกชาย 2 คน คือ ต้อง-ตรัยวัชร์ ไตรรัตน์วรกุล และ ปอง-ประวรรตน์ ไตรรัตน์วรกุล
จุดเริ่มต้นของการสอนเรื่องเงินหัวใจสำคัญต้องทำให้ลูกเห็นคุณค่าของเงิน ไม่ว่าด้านรายได้หรือรายจ่าย ทำตัวอย่างให้เห็น ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย การจ่ายต้องถามตัวเองเสมอว่าคุ้มค่าหรือไม่ จำเป็นหรือไม่ ไม่ใช่แค่อยากได้แล้วซื้อ และทำให้เขาเห็นว่าเงินรายได้ต้องมาจากการทำงาน ไม่ใช่ได้มาฟรีๆ มันถึงจะมีคุณค่า
///////////////////////////////
ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีลูกชาย 3 คน
ผมไม่ได้สอนลูกเรื่องการใช้เงินหรือบริหารเงิน สิ่งที่ทำจะเป็นการพูดคุยกันมากกว่า และทำให้เขาเห็น ซึ่งลูกก็เรียนหนังสือ มีความรู้ รู้ว่าสิ่งไหนดีไม่ดี ก็ปล่อยให้ตัดสินใจเอง ประกอบกับตระกูลของผมคือ คุณแม่ผม ได้มอบมรดกให้หลานด้วย ไม่ได้ให้แค่ลูก ฉะนั้น ลูกผมจึงมีเงินใกล้เคียงกับผม เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้ห่วงอะไร
///////////////////////////////
***กรณ์ จาติกวณิช ประธานสมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทย ซึ่งมีลูกสาวและลูกชายคือ แจม-กานต์ จาติกวณิช และจอม-ไกรสิริ จาติกวณิช
แต่ไหนแต่ไรมาจะสอนลูกเรื่องการดำรงชีวิต ถ้าถามว่าให้ความสำคัญกับอะไร เนื่องจากลูกเราเกิดในครอบครัวที่พร้อมทุกอย่างแล้ว ปัจจัยหลักไม่ได้ขาดแคลน บ้านเราจึงเน้นสอนให้ลูกมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักให้ผู้อื่น สอนให้ไม่เอาเปรียบใคร รวมทั้งให้มีความเคารพต่อผู้อื่น มีมารยาทต่อทุกคนโดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานะทางสังคมของคนคนนั้น
สำหรับการสอนเรื่องการเงิน อันดับแรกคิดถึงตนเองที่เริ่มต้นชีวิตได้จากการเป็นเจ้าของธุรกิจจนทำให้มีฐานะมั่นคงจนถึงทุกวันนี้ก็จะบอกลูกเสมอว่า เงินไม่ได้หามาง่ายๆ และแม้ว่าเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในการมีชีวิต แต่มีเงินดีกว่าไม่มี
จากประสบการณ์ตัวเองที่ผ่านมาจนทำให้มีวันนี้ อยากบอกให้ลูกแสวงหาโอกาสสร้างธุรกิจหรือกิจการขึ้นมาด้วยมือตัวเองเถิด หากได้เห็นโอกาสหรือช่องทาง เพราะการสร้างธุรกิจตัวเอง จะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่สำคัญ ที่เหมือนได้ค้นพบตัวเองจากการทำธุรกิจ และจะเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตที่เก็บเกี่ยวเงินทองจากสิ่งที่สร้างมากับมือ
"ส่วนตัวไม่บังคับ ถ้าลูกจะเลือกทางที่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็แล้วแต่เขา เพราะผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือนมาก่อน เพียงแต่คิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองสร้างธุรกิจดู ถ้าลูกเลือกทำธุรกิจ สิ่งแรกที่อยากแนะนำคงเป็นหัวใจของการทำธุรกิจทุกประเภท คือ ลูกค้า ตราบใดที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ นั่นคือโอกาสทำกำไรและประสบความสำเร็จ ฉะนั้นให้ทุ่มเทกับเรื่องความพึงพอใจของลูกค้า" กรณ์ กล่าว
///////////////////////////////////
***ปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายงานเลขาธิการและสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งมีลูกชายฝาแฝด ปรุง และปราณ วัย 15 ปี
เราเริ่มต้นจากการปูพื้นบอกลูกเสมอว่าเงินที่ให้เป็นค่าขนม พ่อกับแม่ไม่ได้พิมพ์เองนะ เงินเหล่านี้มีที่มาจากการต้องทำงานเหนื่อยยากเพื่อให้มีรายได้มาให้ใช้จ่าย
จากนั้นก็ต่อด้วยการทำเป็นตัวอย่างให้ลูกดูว่า เวลาจะใช้จ่ายอะไรพ่อกับแม่จะคิดก่อนเสมอ เพื่อให้ลูกมองเห็นแนวคิดและเรียนรู้ว่าต้องคิดก่อนว่าจำเป็นหรือไม่ คุ้มค่าหรือไม่ ลูกจะได้รู้สึกว่าควรใช้เงินอย่างพอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อ
นอกจากนี้ เราก็จะซื้อกองทุนเก็บไว้ให้ลูก แล้วบอกให้เขาทราบในแนวคิดของการนำเงินไปลงทุน เพื่อให้เงินทำงานเองให้เรา โดยเมื่อซื้อก็จะอธิบายให้ลูกทราบว่ากองทุนรวมทำงานอย่างไร เมื่อถึงจุดหนึ่งลูกๆ จะได้สะสมเงินต่อจากที่เราได้สะสมไว้ให้บางส่วนแล้ว
ปริย มองว่า ยุคนี้มีสิ่งเร้าให้ใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นอยู่ที่พ่อแม่แล้วต้องให้เวลากับลูกมากขึ้น พยายามให้คำแนะนำลูกว่า ชีวิตคนเราจะมีความสุขได้ ไม่จำเป็นต้องฟุ้งเฟ้อมาก สิ่งที่มีมูลค่าเพียงเล็กน้อย หรือการใช้เวลากับเพื่อน ครอบครัว ก็ทำให้เรามีความสุขได้เช่นกัน
"ในต่างประเทศมีการทำวิจัยว่า สิ่งที่ทำให้ความสุขของคนเรายั่งยืนมาก คือการใช้เงินเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต เช่น ออกไปท่องเที่ยว ไปเข้าคลาสเรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากกว่าการเอาเงินไปซื้อของ เพราะเวลาผ่านไปเราก็จะเคยชินกับของชิ้นนั้น ไม่ได้รู้สึกดีหรือตื่นเต้นแบบวันแรกที่ได้มา" ปริย กล่าว
//////////////////////////////////////////
***สรัญ ลิ้มสวัสดิ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมเอส 31 เอส 15 เอส 33 เอส บ็อกซ์ และเอส รัชดา ซึ่งมีลูกฝาแฝด 3 คน อายุ 10 ขวบ คือ พราว พิบ และพร้อม กับลูกชายคนเล็ก พุฒ อายุ 8 ขวบ
สิ่งที่เน้นในการสอนลูกเรื่องการเงินจะมี 2 จุดหลัก คือ การสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน และการสอนให้ลูกแยกแยะได้ระหว่างคุณค่าและราคา คือ ของบางอย่างไม่จำเป็นต้องแพงแต่ก็มีคุณค่าได้
ด้านการใช้จ่ายนั้นก็จะให้ลูกบริหารเงินกันเอง โดยจะให้เงินลูกเป็นรายสัปดาห์ ช่วงแรกๆ ลูกบางคนใช้จ่ายหมดตั้งแต่วันแรกที่ได้เงินไป ส่วนลูกคนอื่นๆ ยังมีเงินเหลือใช้ได้อยู่อีก 4 วัน ซึ่งก็ทำให้ลูกมองเห็นและเรียนรู้ได้เองว่า ต้องรู้จักแบ่งการใช้จ่าย
นอกจากนี้ ก็จะสอนให้ลูกๆ รู้จักออมด้วยการเก็บเงินและหาเพิ่มเติม โดยการหาเงินนั้นจะมาจากการให้รางวัลลูก เช่น จ้างพี่สาวสอนการบ้านให้น้อง พี่สาวก็จะไปตกลงกับน้อง ให้น้องต้องตั้งใจเรียน ตัวเองก็จะได้เงินค่าจ้าง หรือเวลาที่เล่นกีฬา ทำอะไรที่มีประโยชน์ก็จะให้เงินรางวัล ให้ลูกนำไปเก็บออม
หากลูกอยากได้อะไรก็นำเงินที่เก็บออมเองไปซื้อ โดยลูกๆ แต่ละคนจะมีสมุดบัญชีไว้ออมเงิน มีทั้งเก็บมาแล้วให้เราฝากให้ และเราพาไปฝากเงินเองที่ธนาคาร ใน 1 ปี เราจะอนุญาตให้เขาเบิกเงินออมไปซื้อของได้ในวันเกิด เพื่อให้เขาได้เรียนรู้การเก็บและการใช้เงินก้อนนั้น
"พ่อมีส่วนสำคัญที่จะปลูกฝังให้ลูกเรียนรู้ กึ่งๆ บังคับให้เขามีวินัยทางการเงินตั้งแต่ยังเล็ก เพราะเรื่องการเงินปลูกฝังได้ตั้งแต่เด็ก อีกหน่อยเขาก็จะบริหารเงินเป็น" สรัญ กล่าว
///////////////////////////////////////
***เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล ผู้ประกอบการ 3 โรงพยาบาล คือ เกษมราษฎร์ เวิลด์เมดิคอล และการุญเวช ซึ่งมีลูกๆ 3 คน
สิ่งที่จะสอนเขาคือ "ประสบการณ์" ซึ่งจะเกิดจากการฟังและติดตามในแต่ละเรื่องที่มีการปรึกษา ต้องมองให้ออกว่าอะไรคือจุดอ่อน อะไรคือจุดสำคัญ ต้องไปจับที่หัวใจอย่าไปจับที่เปลือก พอเติบโตไปมีลูกน้อง หากไม่สามารถสรุปงานลูกน้องได้ ถือว่าจบทุกระบวนการ ซึ่งถือว่าอันตรายมาก ต้องรู้ตรรกะของมันได้ดี
นอกจากนั้น ต้องสอนให้เขามีข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด ซึ่งการจะผิดพลาดให้น้อยที่สุดเราต้องรู้เท่าทันให้มากที่สุด แม้การตัดสินใจจะผิดพลาด 5% หรือ 10% แต่ก็ถือว่าเราตั้งใจทำให้ดีที่สุดแล้ว เจ๊งต้องเจ๊งถ้าหากมีการเตรียมตัวแปรที่ครบ ในเรื่องการบริหารงานหรือการลงทุน มันมีทั้งโอกาสและอุปสรรค ถ้าอะไรไม่ใช่ก็ต้องปฏิเสธ
//////////////////////////////////////
เหล่านี้คือการสอนในแบบฉบับของคุณพ่อแต่ละคนซึ่งแตกต่างกันออกไป บ้างก็สอนอย่างชัดเจน บ้างก็ปฏิบัติให้เห็นแล้วปล่อยให้ลูกปฏิบัติในแบบของตัวเอง เพราะเชื่อว่าการปฏิบัติให้เห็นเป็นวิธีการสอนและปลูกฝังอย่างหนึ่งที่แม้ไม่พูดอะไรมากมาย ลูกก็จะเรียนรู้ได้เอง


