การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จัดทำโครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร หรือ MEA Energy Saving Building เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการปรับปรุงการใช้พลังงาน เน้นรณรงค์จิตสำนึก สร้างการมีส่วนร่วมของพนักงาน ส่งเสริมการนำนวัตกรรมมาใช้งานเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าที่สามารถทำได้จริงและมีผลประหยัดพลังงานชัดเจน โดยมีอาคารที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MEA Index และได้รับ"ตราสัญลักษณ์ กฟน.อาคารประหยัดพลังงาน" จำนวน 171 แห่ง ประกอบด้วยอาคารประเภทโรงพยาบาล ไฮเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม สำนักงาน ศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย โรงเรียนและร้านสะดวกซื้อ
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการแข่งขันของปีที่ 5 ในระดับที่ 2 ซึ่งจะมีการเข้าตรวจเยี่ยมอาคารที่ผ่านเข้ารอบโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อประเมินผลและตัดสินรางวัลประจำปี 2017 หากมองในภาพรวมนอกจากอาคารจะได้ปรับปรุงแล้วในส่วนของผู้บริหารและทีมงานที่เข้าร่วมโครงการยังมีโอกาสปรึกษารับฟังคำแนะนำและเสนอข้อคิดเห็นร่วมกับคณะกรรมการด้วยซึ่งล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในด้านต่างๆอย่างครบถ้วน ทำให้อาคารสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมและเป็นไปตามหลักวิศวกรรมที่ถูกต้อง โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ให้ทรรศนะที่น่าสนใจ
นายรุจ เหราบัตย์ รองผู้ว่าการธุรกิจและบริการ การไฟฟ้านครหลวง ในฐานะประธานกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า"การที่ กฟน. จัดให้มีโครงการนี้ขึ้น เพราะเป็นห่วงเรื่องการผลิตไฟฟ้าซึ่งมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลมากถึง70% โดยต้องนำเข้าทำให้เป็นภาระของประเทศ แม้เราจะเป็นผู้ขายไฟฟ้าแต่ก็ต้องคำนึงถึงอนาคตของลูกหลานด้วย เมื่ออาคารใหญ่ๆ ในเมืองได้รับตราสัญลักษณ์ MEA Energy Saving Building จะยิ่งจูงใจให้อาคารอื่นๆ เข้าร่วมมากขึ้นและมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประเทศของเราก็สามารถประหยัดพลังงานได้มากขึ้นเช่นกัน"
นายสารนิต อังศุสิงห์ รองผู้ว่าการกิจการองค์กรและสังคม การไฟฟ้านครหลวง "ในการจัดประกวดใช้มาตรฐาน MEA Index ที่ กฟน. สร้างขึ้นเป็นตัววัดผล และนอกจากการลงทุนปรับเปลี่ยนอุปกรณ์แล้วยังมีตัวแปรอื่นๆด้วย โดยเฉพาะการทำงานเป็นทีม ความร่วมมือร่วมใจ ความจริงใจของผู้นำหรือผู้บริหารในการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า โดยเฉพาะตราสัญลักษณ์ฯของ กฟน. มีหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่เชื่อถือได้ หลายแห่งนำไปใช้เป็นพื้นฐานและสามารถก้าวสู่การแข่งขันในระดับสากล"
นายสันติ นำสินวิเชษฐชัย ผู้ช่วยผู้ว่าการธุรกิจและบริการ การไฟฟ้านครหลวง "ถามว่าการประหยัดพลังงานส่งผลดีอย่างไรต่อ กฟน. คำตอบคือเราไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ที่รองรับกระแสไฟฟ้าสูงเกินความจำเป็น โครงการนี้จึงได้เข้ามาช่วยหาคำตอบโดยเก็บตัวอย่างจากผู้ที่เข้าร่วม ทำให้เราสามารถสร้างเส้นมาตรฐานของอาคารต่างๆว่าควรใช้พลังงานเท่าไรต่อตารางเมตร จึงต้องเผยแพร่ให้สังคมรับรู้เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่ออาคารอื่นที่ลักษณะใกล้เคียงกัน"
นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริการและคุณภาพไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง "เรามีกรรมการผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เข้าไปตรวจให้คำแนะนำถึงพื้นที่ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กันตลอดเวลา เมื่อหน่วยงานนำไปทำจริงก็ได้ผลสำเร็จ เมื่อจบโครงการแล้วก็เป็นพี่เลี้ยงให้รุ่นต่อไป เกิดเป็นเครือข่ายขึ้นมา การประหยัดพลังงานหากทำคนเดียวจะได้ผลน้อยกว่าการมีเครือข่าย สิ่งที่อยากเห็น คือประชาชนช่วยสนับสนุนอาคารที่เป็นอาคารประหยัดพลังงาน เข้าไปใช้บริการมากขึ้น เพื่อให้เจ้าของอาคารได้รับประโยชน์ มีรายได้ชดเชยสิ่งที่ยอมลงทุนไปเพื่อประหยัดพลังงาน"
นายเกชา ธีระโกเมน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปรับอากาศ "เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อยากให้นำมาใช้ คือ Smart System เป็นระบบที่เราควบคุมการใช้พลังงานได้จากโทรศัพท์มือถือ เช่นสั่งเพิ่มลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศได้ พื้นที่ตรงไหนไม่เย็นจะแจ้งเตือนผ้ดูแลตึกให้จัดการ ประโยชน์คือการรับรู้ปัญหาทันทีแบบ Real Time สามารถแก้ไขได้ทันที ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเขาทำ Smart System แล้ว และกำลังจะเป็น Smart City เมืองอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง แทบทุกอาคารมีมอนิเตอร์ให้ดูว่าใช้พลังงานไฟฟ้าหรือลดคาร์บอนไดออกไซด์เท่าไร แสดงให้เห็นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร"
นายพงษ์จรูญ ศรีโสวรรณา กรรมการมูลนิธิอนุรักษ์พลังงานแห่งประเทศไทย "ความยั่งยืนของการอนุรักษ์พลังงานอยู่ที่การสนับสนุนส่งเสริมและการให้ความสำคัญจากผู้บริหาร โดยผู้บริหารจะต้องส่งเสริมพนักงานทุกระดับให้มีส่วนร่วมกันในการอนุรักษ์พลังงานขององค์กร นอกจากช่วยกันประหยัดในที่ทำงานแล้ว ยังนำไปใช้ที่บ้านต่อและประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้มาใช้บริการได้ทราบถึงวิธีการและประโยชน์จากการอนุรักษ์พลังงานได้ด้วย"
นายวิญญู วานิชศิริโรจน์ เลขานุการและกรรมการสถาบันอาคารเขียวไทย "ถ้ากรอบอาคารดี หรือ ใส่ฉนวนดี ระบบปรับอากาศก็ไม่ต้องทำงานหนัก เรื่องประตูหน้าต่าง กระจก การใช้ผนังที่ดี เป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยเข้าใจ กว่าเราจะรณรงค์สำเร็จใช้เวลาเป็น 10 ปี การประหยัดพลังงานทำให้เราใช้ไฟฟ้าน้อยลง และทำให้เมืองร้อนน้อยลง วิธีการได้พลังงานเพิ่มมีสองวิธี คือสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม หาแหล่งพลังงานเพิ่ม กับอีกวิธีคือลดการใช้พลังงานลง การลดพลังงานคือการได้พลังงานใหม่เพิ่ม เป็นการคิดกลับ ยิ่งใช้พลังงานน้อยลงมากเท่าไรก็จะยั่งยืนมากขึ้นเท่านั้น"
ศ.ดร.สุรพงศ์ จิระรัตนานนท์ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี "โครงการ MEA Energy Saving Building เน้นการปรับปรุงตึกที่มีอยู่แล้ว จึงเป็นการส่งเสริมและจูงใจให้เจ้าของอาคารหันมาสนใจปรับปรุงอาคาร แต่ความจริงการจะเป็นอาคารที่อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ต้องเริ่มตั้งแต่การออกแบบอาคาร ต้องวางแผนตั้งแต่การออกแบบกรอบ ผนังอาคาร ระบบไฟฟ้า ระบบแสงสว่าง ไปจนถึงระบบปรับอากาศ จะช่วยให้อาคารใช้ไฟฟ้าน้อยลงถึง75 %เมื่อเทียบกับอาคารทั่วไป แม้ในช่วงเริ่มต้นจะลงทุนสูง แต่ระยะยาวจะเห็นถึงความคุ้มค่า"
รศ.ดร.อภิชิต เทอดโยธิน คณบดีคณะพลังงานสิ่งแวดล้อมและวัสดุ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี "ยังมีหลายอาคารที่พลาดโอกาสในการเข้าร่วมประกวด มาขอรับการประเมิน MEA Index เพราะต้องการได้รับตราสัญลักษณ์ฯ นับเป็นที่น่ายินดีและเป็นสัญญาณบอกว่าโครงการประสบความสำเร็จในการกระตุ้นให้อาคารต่างๆเกิดความตื่นตัวในการปรับปรุงการใช้พลังงานในอาคารให้มีประสิทธิภาพดีมากขึ้น การใช้พลังงานอย่างประหยัดเป็นการลดปัญหาภาวะโลกร้อน ลดมลพิษ ช่วยทั้งสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศของโลก ถ้าประหยัดได้มากก็จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเฉพาะน้ำมันและถ่านหินช่วยสงวนพลังงานที่มีอยู่จำกัดให้ยังมีใช้ได้อีกนานๆ"
สามารถติดตามการประกาศผลรางวัล ได้ที่ www.meaenergysavingbuilding.net หรือ www.facebook/meaaward