ปรับสเปซในบ้าน รับทางลมและแสงแดด
AP DESIGN LABย่างเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังเย็นสบาย ลมและแสงแดดเริ่มเปลี่ยนทิศ หลายคนอาจเริ่มรู้สึกว่าตัวเองตื่นนอนตอนเช้าเร็วขึ้น เพราะแสงแดดแยงตา หรือบางคนอาจจะต้องหามุมตากผ้าใหม่ วันนี้ AP DESIGN LAB อยากชวนคุณมาทำความเข้าใจหลักการง่ายๆ เกี่ยวกับทิศทางการเดินทางของลมและแสงแดด เพื่อที่เราจะสามารถปรับให้เข้ากับบ้านที่เราอาศัยอยู่ พร้อมต้อนรับลมหนาวที่กำลังจะพัดมา อีกทั้งยังได้สเปซพักผ่อนใหม่ๆ และบ้านของเราจะเป็นบ้านที่เย็นสบายตลอดทั้งปี
AP DESIGN LAB
ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังเย็นสบาย ลมและแสงแดดเริ่มเปลี่ยนทิศ หลายคนอาจเริ่มรู้สึกว่าตัวเองตื่นนอนตอนเช้าเร็วขึ้น เพราะแสงแดดแยงตา หรือบางคนอาจจะต้องหามุมตากผ้าใหม่ วันนี้ AP DESIGN LAB อยากชวนคุณมาทำความเข้าใจหลักการง่ายๆ เกี่ยวกับทิศทางการเดินทางของลมและแสงแดด เพื่อที่เราจะสามารถปรับให้เข้ากับบ้านที่เราอาศัยอยู่ พร้อมต้อนรับลมหนาวที่กำลังจะพัดมา อีกทั้งยังได้สเปซพักผ่อนใหม่ๆ และบ้านของเราจะเป็นบ้านที่เย็นสบายตลอดทั้งปี
"ลมประจำพัดมาทางทิศไหน แสงแดดกับความร้อนมีความสำคัญมากกับบ้านเราจริงหรือไม่ แล้วบ้านที่อยู่สบายมีลมพัดเย็นตลอดต้องทำอย่างไร"
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า ลมจะมาจากทุกทิศทาง ซึ่งในประเทศไทยนั้นจะมีทิศทางที่ลมพัดประจำอยู่ 2 ช่วงของปี คือ ช่วงเดือน ก.พ.-ก.ย. ลมประจำจะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ และช่วงเดือน ต.ค.-ม.ค. ลมประจำจะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศเหนือ โดยในแต่ละภูมิภาคก็จะมีทิศการรับลมที่แตกต่างกันไป การวางแนวอาคารบ้านจึงต้องแตกต่างกันเพื่อให้ได้มุมรับลมที่ดีที่สุด
สำหรับบ้านที่อยู่ในกรุงเทพฯ ควรวางตัวอาคารแนวยาวจากเหนือไปใต้ และให้มีประตู-หน้าต่างเพียงพอสำหรับรับแสงแดดและลม แต่ในความเป็นจริงบ้านที่อยู่ในกรุงเทพฯ เราคงไม่สามารถกำหนดได้ขนาดนั้น เพราะด้วยปัจจัยแวดล้อมหรือด้วยข้อจำกัดของประเภทบ้าน อย่างคอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม เป็นต้น อาจจะถูกจำกัดจากขนาดของพื้นที่และสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ไม่เพียงแค่นั้น การขึ้นหรือลงของดวงอาทิตย์ก็มีผลต่อความร้อนโดยตรงกับอาคารที่พักอาศัย เพราะแสงแดดตอนเช้าเริ่มจากทิศตะวันออกอ้อมไปทางทิศใต้ (หรือเหนือ) และเอียงต่ำทางทิศตะวันตกในตอนเย็น หรือเข้าใจง่ายๆ คือ แดดเหนืออ้อมใต้ โดยเราสามารถแบ่งทิศทางแสงแดดได้เป็น 3 ช่วง คือ ช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. (4 เดือน) แสงแดดจะเอียงอ้อมไปทางทิศเหนือ ส่วนในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. และเดือน ก.ย.-ธ.ค. (8 เดือน) แดดจะเอียงอ้อมไปทางทิศใต้ ทำให้ทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตกจะได้รับอิทธิพลจากแสงแดดเฉลี่ยมากที่สุดตลอดทั้งปี
ดังนั้น การดีไซน์พื้นที่ในบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่สำหรับพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน ควรหลีกเลี่ยงการทำผนังในทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตก เพื่อลดพื้นที่การรับอิทธิพลจากแสงแดดและความร้อนให้ได้มากที่สุด
คราวนี้ลองมาดูบ้านที่เราพักอาศัยกันบ้าง สำหรับคนที่อยู่บ้านเดี่ยวจะค่อนข้างได้เปรียบในการจัดอาคารให้ใช้ประโยชน์จากลมและแสงแดดได้มากกว่าที่พักอาศัยประเภทอื่น เพราะบ้านจัดสรรเองมีการหันอาคารและหน้าบ้านอยู่ 2 ทิศหลักๆ คือ ทิศเหนือและทิศใต้ เนื่องจากการพัดของลม (ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้) กับแกนที่ตั้งของประเทศไทย ทิศการวางอาคารที่เกิดประโยชน์มากที่สุดจึงเป็น 2 ทิศนี้ รวมถึงการมีพื้นที่ว่างรอบอาคารเพื่อให้ลม พัดผ่าน การจัดบ้านให้รับกับลมในหน้าหนาวจึงยึดหลักทิศการหันบ้านง่ายๆ ดังนี้
บ้านที่หันทางทิศใต้
เนื่องจากแสงแดดและลมจะเข้าเกือบทั้งปี (8 เดือน) ดังนั้นควรเปิดหน้าบ้านให้โล่งและหลีกเลี่ยงการปลูกต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน เพื่อที่จะได้ดึงให้ลมเข้าสู่ตัวบ้านมากที่สุด หรือหากมีพื้นที่หน้าบ้านกว้างพอ อาจทำบ่อน้ำหรือสระน้ำหน้าบ้าน เพื่อให้ลมเย็นเข้าสู่ตัวบ้าน ในส่วนของการจัดสเปซฟังก์ชั่นห้องต่างๆ ภายในบ้าน อย่างห้องนอนนั้นควรวางเตียงนอนไปทางทิศตะวันออก โดยให้หน้าต่างหรือประตูระเบียงหน้าบ้านบานใหญ่ขนานกับแนวเตียงเพื่อรับลมและแสงแดดที่พอเหมาะ
ส่วนเฟอร์นิเจอร์ไม่ควรวางขวางและควรวางเพียงน้อยชิ้น หรือห้องรับแขกที่ปกติจะอยู่ส่วนหน้าของบ้าน อาจต้องปรับเปลี่ยนให้ค่อนไปทางส่วนหลังบ้านแทน เพราะแสงแดดจะเข้ามาทางหน้าบ้าน หากบ้านมีขนาดเล็กไม่สามารถหมุนการจัดวางชุดรับแขกได้ แนะนำให้เพิ่มผ้าม่านเป็น 2 ชั้น โดยใช้ผ้าม่านโปร่งชั้นเพื่อช่วยกรองแสงในช่วงเวลาเช้า-บ่าย ซึ่งในขณะเดียวกันลมก็ยังสามารถพัดผ่านได้ หรือลองหามุมหลังบ้าน (มุมตะวันออกเฉียงเหนือ) วางเก้าอี้นั่งเล็กๆ ไว้จิบชาอ่านหนังสือยามบ่าย เพราะเป็นมุมที่แสงแดดส่องไม่ถึง อีกทั้งยังมีลมพัดผ่านแทบจะตลอดเวลา เป็นการสร้างมุมพักผ่อนที่เชื่อมจากตัวบ้านไปสู่นอกบ้าน สำหรับคุณแม่บ้านอาจจะต้องหามุมตากผ้าทางหน้าบ้านหรือค่อนไปทางข้างบ้าน เพื่อให้ได้รับแสงแดดตลอดช่วงเช้าถึงบ่าย
สำหรับท่านใดที่ชอบ DIY อาจลองเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ให้เข้ากับช่วงฤดูหนาว ด้วยการเปลี่ยนสีทาภายในตัวบ้านให้เป็นสีโทนอบอุ่น เช่น สีเทา สีน้ำตาล-เทา สีฟ้าอมม่วง หรืออาจจะเปลี่ยนมาใช้วอลเปเปอร์สีอ่อนทั้งห้อง เช่น สีเทามีประกาย หรือสีน้ำตาลเทา เพื่อความละมุน แล้วเพิ่มความโดดเด่นด้วยพรมขนนุ่มสีอ่อน แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงรูปแบบและสีของเฟอร์นิเจอร์โดยรวมด้วย
บ้านที่หันทางทิศเหนือ
ข้อดีของทิศนี้คือแสงแดดจะไม่ค่อยเข้าทางหน้าบ้าน อีกทั้งยังเป็นส่วนที่รับลมเยอะที่สุด แต่ห้องที่อยู่ในส่วนด้านหลังของบ้านจะร้อนในช่วงเวลากลางคืนเนื่องจากเป็นส่วนที่รับแดดในช่วงบ่ายและดูดซับความร้อนสะสมไว้ ดังนั้นให้ปรับเปลี่ยนส่วนพักผ่อนไปอยู่ส่วนหน้าของบ้านหรือข้างบ้านแทน เพราะเป็นทิศที่ลมพัดผ่านตลอดวัน อีกทั้งควรปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ส่วนหลังของบ้านเพื่อช่วยกรองแสงแดดไม่ให้ส่องเข้าบ้านในช่วงบ่าย อีกทั้งยังจะช่วยให้อุณหภูมิรอบบ้านลดลงอีกด้วย
สำหรับห้องนอนด้านหลังที่โดนแดด อาจใช้ผ้าม่านลักษณะทึบช่วยกรองแสงและความร้อนจากการรับแสงแดดเต็มๆ ในช่วงบ่าย อีกทั้งยังสามารถช่วยลดไอความร้อนในเวลากลางคืน ส่วนโทนสีของห้องนั้นอาจปรับใช้เป็นโทนสีอบอุ่น หรือโทนสีอ่อนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เพิ่มลูกเล่นให้ฝ้าเพดานด้วยการทาสีที่เข้มขึ้น เช่น สีเทา สีฟ้าอมเทา และติดดาวเรืองแสงหรือเพิ่มไฟ LED เมื่อเวลาปิดไฟตอนกลางคืนก็จะเหมือนนอนอยู่ท่ามกลางดวงดาว อาจมีการปรับหรือสร้างระเบียงด้านหน้าและข้างบ้านสำหรับมุมปาร์ตี้เล็กๆ หรือมุมอ่านหนังสือ
ในส่วนของคุณแม่บ้านที่อยากตากผ้าให้ผ้ามีกลิ่นหอมแดด ให้วางที่ตากผ้าไว้มุมหลังบ้านทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ รับรองมุมนี้จะได้แสงแดดแทบทั้งวัน
เพียงเข้าใจทิศทางของลมและแสงแดดในแต่ละช่วงฤดู การจะทำให้บ้านอาศัยอยู่สบายและมีพื้นที่ใหม่ๆ ตามช่วงฤดูกาล หวังว่าช่วงปลายปีที่จะถึงนี้ AP DESIGN LAB จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำหรับการสร้างไอเดียการตกแต่งบ้านเพื่อต้อนรับเทศกาลเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้


