อาหารหมักจากเปลือกข้าวโพด ลดการเผา-ลดต้นทุนอาหารสัตว์
การเผาเศษวัสดุเหลือทิ้งทางเกษตรเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูก ถือเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดปัญหาหมอกควัน ปัญหามลพิษทางอากาศที่สำคัญของประเทศ
โดย อาทิตย์ ลมูลปลั่ง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
การเผาเศษวัสดุเหลือทิ้งทางเกษตรเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูก ถือเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดปัญหาหมอกควัน ปัญหามลพิษทางอากาศที่สำคัญของประเทศ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่แล้ว ยังส่งผลเสียกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในภาคเหนืออีกด้วย
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย สวทช.ภาคเหนือ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยพะเยา ได้ร่วมกันจัดทำโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตอาหารสัตว์จากเศษวัสดุเหลือทิ้ง เพื่อแก้ปัญหาการเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในพื้นที่ภาคเหนือ
ดร.มนตรี ปัญญาทอง คณะเกษตรศาสตร์ ม.เชียงใหม่ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นมาจากความต้องการในการลดการเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาหมอกควันในภาคเหนือ โดยทีมวิจัย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเกษตรศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ และสัตวศาสตร์ เล็งเห็นว่าเปลือกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีองค์ประกอบเป็นเยื่อใย สามารถเป็นอาหารหยาบหลักของสัตว์กระเพาะรวม อาทิ โค กระบือ แพะ แกะ โดยทั่วไปแล้วเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มักจะทิ้งเปลือกข้าวโพดไว้เป็นขยะหลังจากการสีเมล็ดข้าวโพด ก่อให้เกิดปัญหาการเผาทิ้งและเกิดหมอกควันจำนวนมาก แต่ทีมวิจัยเห็นว่าสามารถนำเปลือกข้าวโพดมาเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้มากขึ้น หรือทำการหมักเก็บไว้เป็นอาหารสำรองสำหรับโค ในช่วงอาหารขาดแคลนทั้งยังคงคุณค่าทางอาหารให้โคด้วย
สำหรับองค์ความรู้เรื่องการทำอาหารหมักจากเปลือกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้น ดร.มนตรี อธิบายว่า วิธีการคือ นำเปลือกข้าวโพดมาผสมกับสารอาหารของจุลินทรีย์ คือ กากน้ำตาล และรำละเอียด จากนั้นหมักไว้ 21 วัน ในภาชนะปิดหรือถุงดำก็จะได้อาหารสัตว์จากเปลือกข้าวโพดหมัก โดย ดร.ขรรค์ชัย ดั้นเมฆ นักวิจัยสาขาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยพะเยา หนึ่งในทีมวิจัยยังได้พัฒนา “หัวเชื้อจุลินทรีย์ชนิดผง” เพิ่มเติมลงไปในอาหารหมักจากเปลือกข้าวโพด เพื่อเร่งปฏิกิริยาการหมักให้เร็วขึ้นและช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้อาหารหมักที่ได้มีโปรตีนเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่า จาก 2 เปอร์เซ็นต์ในเปลือกข้าวโพดแห้ง เป็น 6-8% เมื่อผ่านกระบวนการหมักและมีกลิ่นหอมน่ากิน และยังนำไปประยุกต์ใช้หมักกับวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรอื่นๆ เช่น เนื้อฟักทอง มันสำปะหลัง เพื่อทดแทนอาหารข้นหรืออาหารสำเร็จรูปช่วยลดต้นทุนค่าอาหารได้อีกด้วย
ส่วนวิธีการเก็บอาหารหมักนั้นไม่ยุ่งยาก เน้นการใช้วัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่นนั้นๆ แต่มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บ เช่น การใช้บรรจุในถุงดำ (ให้มีความหนาพอสมควร) ปริมาณบรรจุอาหารหมักจากเปลือกข้าวโพดถุงละ 25 กิโลกรัม อัดให้แน่นและไล่อากาศออกให้มากที่สุด ช่วยยืดอายุการเก็บอาหารหมักประมาณ 1 เดือน (โดยไม่เปิดถุง) และเก็บรักษาในที่ร่มไม่ให้ถูกแสงแดด หรือจะเก็บในถังหมักก็สามารถเก็บได้เป็นปี
ลดการเผา ลดต้นทุนอาหารสัตว์
แม้ว่าภาคเหนือของประเทศไทยนิยมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กันจำนวนมาก แต่เกษตรกรสามารถหลีกเลี่ยงการเผาทำลายวัสดุเหลือทิ้งได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากเปลือกข้าวโพดมาลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งทีมวิจัยได้คำนวณต้นทุนการใช้อาหารหมักจากเปลือกข้าวโพดนำมาเลี้ยงโคเนื้อไว้แล้ว พบว่าลดต้นทุนจากเดิมที่เกษตรกรต้องใช้อาหารเลี้ยงโคขุนเฉลี่ย 70 บาท/ตัว/วัน เมื่อใช้อาหารหมักจากเปลือกข้าวโพดร่วมกับอาหารหมักจากฟักทองลดลงเหลือ 30 บาท/ตัว/วัน ซึ่งถือว่าช่วยลดต้นทุนค่าอาหารได้เกินครึ่ง ทั้งนี้ หากเทียบว่าโค 1 ตัว กินอาหารหมักจากเปลือกข้าวโพด 3 กิโลกรัม/วัน ดังนั้นโค 1 ตัว จะมีส่วนช่วยลดการเผาได้เฉลี่ยปีละ 1 ตัน
ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกร
ผู้เลี้ยงโค
ในช่วงที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวนอกจากจะช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศได้ส่วนหนึ่ง ยังสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ ในรูปแบบ ศูนย์เรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยี การจัดการเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เพื่อลดการเผาและเป็นอาหารสัตว์ต้นทุนต่ำ สำหรับอาหารสัตว์แบบกระเพาะรวม เช่น โค กระบือ แพะ แกะ ซึ่งทีมวิจัย และ สวทช.ภาคเหนือ ได้คิดค้นสูตรอาหารสัตว์ขึ้นมา โดยได้ขยายผลนำองค์ความรู้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกรมปศุสัตว์ เพื่อช่วยเกษตรกรในโครงการลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ นำมาส่งเสริมและพัฒนาการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพดี จ.แพร่ อาทิ กลุ่มวิสาหกิจโคขุนสรอย อ.วังชิ้น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อปงป่าหวาย อ.เด่นชัย จ.แพร่ และทีมวิจัยยังถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์พื้นที่อื่นๆ ในภาคเหนือด้วย


