เพื่อน พ้อง น้อง พี่
ปกครองประเทศก็เหมือนการดูแลครอบครัว
โดย ทวี สุรฤทธิกุล
ปกครองประเทศก็เหมือนการดูแลครอบครัว
ยกตัวอย่าง "ประเทศหนึ่ง" มีหัวหน้าครอบครัวเป็นทหาร ซึ่ง "ท่านหัวหน้า" มีภาระต้องดูแลญาติมิตรหลายกลุ่ม โดยกลุ่ม ทหารนั่นเองที่มีปัญหามากที่สุด ทั้งนี้เพราะ "พี่คนโต" เป็นคนรักพวกพ้อง อย่างที่สื่อในประเทศนั้นเรียกความรักแบบนี้ว่า "ระบบเพื่อนพ้องน้องพี่" แกจึงพยายามจะให้คนเหล่านี้ได้มีตำแหน่งแห่งหน มีอำนาจวาสนา แม้บางคนจะตกอับเกือบติดคุกไปแล้ว แกก็ยังเอามา "ล้างน้ำ" ให้มีตำแหน่งใหญ่โตได้
ถ้าท่านผู้อ่านเป็น "ท่านหัวหน้า" ท่านจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
ตามธรรมเนียมการปกครอง ไม่ว่าของ ชาติใดอันเป็น "หลักยึด" มาแต่โบราณก็คือ "ผลประโยชน์ของแผ่นดินต้องมาก่อน" โดยคำว่า "แผ่นดิน" ในสมัยโบราณจะหมายถึง "อาณาจักร" หรือเขตปกครอง ที่รวมถึงประชาชนที่อยู่ในเขตปกครองนั้น แต่ในสมัยใหม่จะหมายถึง "ชาติ" หรือ "รัฐชาติ" ที่ประกอบด้วย ดินแดน ประชาชน ผู้ปกครอง ที่รวมกันภายใต้อำนาจ "อธิปไตย" คือความเป็นเอกราชไม่อยู่ใต้การปกครองใคร
ในอาณาจักรอินเดียเมื่อ 2,000 กว่าปี ผู้ปกครองจะยึดแนวคิดของศาสนาฮินดู ซึ่งถ่ายทอดผ่านวรรณกรรมเรื่อง "มหาภารตยุทธ" อันเป็นเรื่องราวของการสู้รบกันระหว่างกษัตริย์สองตระกูลที่มีเนื้อหายืดยาวมาก ประกอบด้วยเรื่องแทรกหรือคัมภีร์ย่อยมากมาย โดยมีเรื่องแทรกที่มีชื่อเสียงที่สุดและยึดถือว่าเป็น "คัมภีร์ทางศาสนา" ที่มีผู้นับถือมากที่สุดก็คือคัมภีร์ชื่อ "ภควัทคีตา" ซึ่งแปลว่า "บทเพลงแห่งพระเจ้า" อันเป็นคำสอนพระกฤษณะผู้เป็นองค์อวตารของพระนารายณ์ ที่ถวายคำสอนแก่พระอรชุน ผู้นำของกษัตริย์ตระกูลปาณฑพ ที่ทำการต่อสู้กับกษัตริย์ตระกูลเการพ แม้ว่าทั้งสองตระกูลนี้จะมาจากพระบิดาองค์เดียวกัน
ฝ่ายเการพนั้นถูกกล่าวถึงในคัมภีร์ภควัท คีตาว่าเป็นฝ่าย "อธรรม" ในขณะที่ฝ่ายปาณฑพเป็นฝ่าย "ธรรม" เรื่องเริ่มจากการตั้งคำถาม ของพระอรชุนว่า "การฆ่าฟันญาติพี่น้องเป็น เรื่องที่ควรกระทำหรือไม่" อันเป็นที่มาของ คำสั่งสอนพระกฤษณะอันยืดยาว ที่อาจจะสรุปได้ย่อๆ ว่า พระกฤษณะได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของกษัตริย์ ซึ่งมีหน้าที่ปกป้อง "ความถูกต้อง ความดีงาม" ของทุกชีวิต ในแผ่นดิน เพราะฉะนั้นสิ่งใดที่ทำเพื่อการ ทั้งสองนี้ย่อมทำได้เสมอ และไม่เพียงทำได้ แต่ "ต้องทำ" คือไม่มีเหตุผลใดที่จะไปปฏิเสธ หรือหลีกเลี่ยงไม่กระทำ ที่สุดพระอรชุนก็ออกรบและประสบชัยชนะ ด้วยหลักของ "ธรรมะย่อมชนะอธรรม"
พระมหากษัตริย์ของไทยได้ยึดหลักการในศาสนาฮินดูนี้อยู่อย่างมั่นคง ส่วนหนึ่งก็เป็นพระราชนิยมที่รับเอาแบบอย่างการปกครองและธรรมเนียมต่างๆ เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์มาจากเขมรในสมัยต้นๆ ของกรุงศรีอยุธยา โดยถือเป็น "ราชศาสตร์" ที่สำคัญที่พระราชโอรสทั้งหลายของพระมหากษัตริย์จะต้องทรงศึกษาให้แตกฉาน โดยมีพราหมณ์เป็นพระครูผู้สอน ซึ่งหลักคิดเกี่ยวกับ "ผลประโยชน์ของแผ่นดินและความถูกต้องดีงาม" ต้องมาก่อน ดังตำนานเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" ที่พระเจ้าเสือทรงทัดทานที่จะไม่ให้ "ตัดหัว" พันท้ายนรสิงห์ ด้วยทรงพระอาลัยในความที่เป็น "เพื่อนรัก" สุดท้ายพันท้ายนรสิงห์นั่นเองก็ "สั่งสอน" พระเจ้าเสือว่าต้องทำหน้าที่ของกษัตริย์ "ให้สมบูรณ์" นั่นคือทรงต้องรักษากฎหมายโดยมิละเว้น ให้หลักการของบ้านเมืองคงอยู่
มีเพลงฝรั่งที่เป็นอมตะอยู่เพลงหนึ่ง ชื่อ Green Sleeves ว่ากันว่าแต่งโดยพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ของอังกฤษเมื่อเกือบ 500 ปีที่แล้ว พระเจ้า เฮนรีที่ 8 นี้ นับถือกันว่าเป็นมหาราชพระองค์หนึ่งของอังกฤษ ทรงสร้างอังกฤษให้เป็นมหาอำนาจ ทรงแยกศาสนจักรออกมาจากการปกครองของโป๊ปที่กรุงโรมที่เป็นนิกายคาทอลิก ตั้งเป็นนิกายของอังกฤษโดยเฉพาะ คือ Church of England อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นชื่อเสียง (ที่บางคนบอกว่าไม่ดีนัก) ก็คือการที่ทรงมีพระมเหสีหลายองค์ เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะพระองค์ท่านมีพระราชประสงค์ให้พระมเหสีมีพระราชโอรส ด้วยทรงเชื่อในทฤษฎี "ผู้ชายเป็นใหญ่" ในจำนวนนั้นมีพระมเหสีที่ทรงรักมากที่สุดชื่อพระนางแอนน์ โบลีน แต่ด้วยเหตุที่พระนางชอบมายุ่งเกี่ยวงานราชการ พร้อมกับมีข้อครหาในทางเสื่อมเสียมากมาย พระเจ้าเฮนรีที่ 8 "จำใจต้อง" สั่งประหารพระนางเพื่อรักษา "ความถูกต้องดีงามของบ้านเมือง" นั่นเอง
พระนางแอนน์ โบลีน นี้ มีพระสิริโฉมงดงามและชอบแต่งพระองค์สวยงาม โดยเฉพาะในชุดฉลองพระองค์ "แขนเสื้อสีเขียว" ที่พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงชื่นชอบเป็นพิเศษ เพลงนี้ เป็นเพลงที่อาจจะเรียกในภาษาดนตรีว่าเป็น "เพลงป๊อป" หรือ "เพลงชาวบ้าน" ซึ่งในยุคโน้นเป็นเรื่องที่กษัตริย์ไม่ควรยุ่งเกี่ยว เพราะไม่ถูกต้องด้วย "ขนบของราชสำนัก" ดังนั้น นาม ผู้แต่งจึงไม่ปรากฏ แต่ก็มีผู้ค้นพบไปจนพบความจริงดังกล่าว โดยเฉพาะมีการเชื่อมโยงถ้อยคำในเนื้อเพลงที่แสดงถึง "ความรู้สึกส่วนพระองค์" ที่ทรงมีต่อพระนางแอนน์ โบลีน
ทีนี้กลับมาตอบคำถามที่ผู้เขียนตั้งไว้ตอนต้นว่า "ถ้าท่านผู้อ่านเป็นท่านหัวหน้า ท่านจะแก้ปัญหานี้อย่างไร" ก็หวังว่าถ้าท่านผู้อ่านได้อ่านกรณีทั้งสามที่ยกมาข้างต้นก็น่าจะเข้าใจแล้วว่า "อะไรคือหลักการของความเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง" ซึ่งก็คงตัดสินใจหาทางออกได้ไม่ยาก รวมถึงถ้าหากท่านนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจะได้อ่านมาเจอก็จะได้ตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรี "ครั้งใหญ่" ได้ง่ายขึ้น
ขอคำถามเดียวล่ะครับที่ท่านต้องตอบ


