จัดระบบธุรกิจ เพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ ครอบครัวพุ่ง
โดย วารุณี อินวันนารกิจครอบครัวจะโลดลิ่ว สินทรัพย์พุ่งฉิวแน่ เพียงจัดระบบการบริหารให้เป็น
โดย วารุณี อินวันนา
รกิจครอบครัวจะโลดลิ่ว สินทรัพย์พุ่งฉิวแน่ เพียงจัดระบบการบริหารให้เป็น
ไม่ใช่ประโยคที่แค่ฟังดูดี แต่ประสบความสำเร็จมาแล้วสำหรับครอบครัวที่มีธุรกิจและลงมือจัดระบบการบริหารอย่างจริงจัง จากคำบอกกล่าวของ 3 ผู้ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาธุรกิจครอบครัวมือฉมังของประเทศไทย ประกอบด้วย
วิเชฐ ตันติวานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซี เอ ซี ที่มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาในการจัดระบบ ธุรกิจครอบครัวรวม 20 บริษัท
สุวภา เจริญยิ่ง อุปนายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ผ่านการให้คำปรึกษาด้านการวางโครงสร้างธุรกิจ ครอบครัวและนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาแล้ว 78 บริษัท
นโรโดม วาณิชฤดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พอสสิเบิ้ลเวลท์ แอดไวเซอรี เซอร์วิส ที่ปรึกษาและจัดการทางการเงิน แก่องค์กร และส่วนบุคคล ที่เติบโตมา จากครอบครัวที่ทำธุรกิจ
ทั้ง 3 ผู้เชี่ยวชาญ ได้แบ่งปันประสบการณ์จริงจากการเป็นที่ปรึกษาให้กับธุรกิจครอบครัว ในงานสัมมนาของสมาคมนักวางแผนการเงินไทย หัวข้อ การบริหารความมั่งคั่ง ของครอบครัว ว่าธุรกิจครอบครัวมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนกว่าธุรกิจที่บริหารโดยมืออาชีพล้วนๆ เพราะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ความสัมพันธ์กับคนนอกที่ เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัว ความแตกต่างระหว่างความคิดของเจเนอเรชั่นแต่ละรุ่น และยังมีความเป็นเจ้าของธุรกิจควบคู่กันไปด้วย จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบการบริหารของครอบครัว เริ่มจาก
กำหนดธรรมนูญครอบครัว
ธรรมนูญครอบครัว คือ แนวทางปฏิบัติ กฎระเบียบทั้งด้านการให้คุณให้โทษ การส่งเสริม ค่านิยมของครอบครัว ค่านิยมทางธุรกิจที่จะปลูกฝังให้ทายาทรุ่นต่อๆ ไป ในอีก 100 ปี 200 ปีข้างหน้า กำหนดโครงสร้างการจัดการและการถือครองหุ้น ค่าตอบแทน การจัด สวัสดิการ ข้อห้าม และบทลงโทษ ที่จะต้องร่วมกันจัดทำและได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกทุกคน ด้วยการจัดตั้งสภาครอบครัวขึ้นมา เพื่อกำหนดข้อปฏิบัตินี้
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จากประสบการณ์ของ ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี เริ่มจากการ ระดมความคิดเห็นและความต้องการที่จะเห็นความสัมพันธ์ของครอบครัว และธุรกิจ อย่างไรในอนาคต
มีการสัมภาษณ์ แบบตัวต่อตัว ที่ปวดหัวเอาการ โดยเฉพาะการทำให้รุ่นก่อตั้งธุรกิจ หรือเจเนอเรชั่นที่ 1 ยอมรับที่จะทำธรรมนูญครอบครัว เพราะรุ่นนี้ไม่อยากถูกจับเข้ากฎระเบียบ กลัวสูญเสียอำนาจในการควบคุมครอบครัว และธุรกิจที่ตัวเองใช้เวลาสร้างขึ้นมาร่วม 20-30 ปี จะเป็นคนที่ใช้เวลาพูดคุยด้วยนานที่สุด
เพราะหลังจากผ่านขั้นตอนการจัดทำธรรมนูญครอบครัว จะต้องเข้าสู่ระบบการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่นคนอื่นๆ ซึ่งเดิมเคยนั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ และ สั่งทุกคนให้ทำตามได้ จะเปลี่ยนไปสู่การมีสิทธิมีเสียงเท่ากัน ไม่สามารถนำเงินกงสีไปใช้ตามใจเหมือนเคย ต่อไป จะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ
หลังจากนั้นจะสัมภาษณ์สมาชิกครอบครัวรายบุคคล ไล่ลำดับเจเนอเรชั่น แล้วนำความเห็นมากางเพื่อดูว่าจุดไหนที่เห็นตรงกัน และจุดที่เห็นต่างกัน
ในจุดที่เห็นต่างกัน จะกลับไปหารือกับครอบครัวอีกครั้งเพื่อหาจุดที่เห็นตรงกันให้ได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญ และต้องมีความชัดเจน ต้องไม่ให้มีอะไรค้างคาใจกัน อาจต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเข้ามาช่วยทลายกำแพงหรืออคติที่มีต่อกัน เพื่อลดความขัดแย้งทางความคิด
หลังจากนั้นจะให้สมาชิกทุกคนมารวมกันเพื่อลงมติ ข้อกำหนด หรือธรรมนูญในแต่ละประเด็น ซึ่งความเห็นต้องเป็นฉันทามติ คือ ทุกคนเห็นด้วย จะนำความเห็นเหล่านั้นไปจัดทำแนวทางปฏิบัติหรือธรรมนูญครอบครัว โดยใช้เวลา 3-5 วัน และจัดทำเป็นรูปเล่ม เพื่อนำไปปฏิบัติ ซึ่งจะต้องมีการเปิดประชุม โดยสภาครอบครัวจะเป็นคนกำหนดหัวข้อ วิธีการตัดสิน และมีที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ
ถือหุ้นผ่านบริษัทโฮลดิ้ง
ขั้นตอนต่อมา ก็ทำการรวบรวมทรัพย์สินของครอบครัว เพื่อประโยชน์ทางภาษี จะแนะนำให้จัดตั้งบริษัทเพื่อทำการโอนทรัพย์สินออกจากการถือครองของบุคคลธรรมดา ไปเป็นถือครองในนามนิติบุคคล และทำการบริหารจัดการให้เกิดผลตอบแทนในระยะยาว เช่น การนำไปให้เช่า หรือให้ธุรกิจครอบครัวเช่า
ส่วนทรัพย์สินที่อยู่ในรูปของธุรกิจต่างๆ รวมถึง ทรัพย์สินทางปัญญา หรือเครื่องหมายการค้า สูตรต่างๆ ที่เป็นของครอบครัว ก็นำมาจัดกลุ่ม และตีมูลค่าให้ชัดเจน เพื่อประโยชน์ต่อการนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต แล้วหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญจากครอบครัวเข้าไปรับผิดชอบ และวางระบบการบริหารให้มีความโปร่งใส หากไม่มี ผู้เชี่ยวชาญจากครอบครัวก็สรรหามืออาชีพจากบุคคลภายนอกเข้ามาดูแล
หลังจากนั้นให้ตั้งบริษัทโฮลดิ้งขึ้นมาครอบ หรือถือหุ้นในบริษัทเหล่านั้นอีกชั้น เพราะจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากเงินปันผล และยังเป็นการเตรียมส่งต่อมรดกให้กับทายาทรุ่นต่อไป โดยให้สมาชิกในครอบครัวถือหุ้นในบริษัทโฮลดิ้ง ซึ่งหลายครอบครัวจะให้เฉพาะสมาชิกสายเลือดตรงเท่านั้นถือหุ้น
การจัดระบบธุรกิจในรูปแบบนี้ จะได้ความสมานกลมเกลียวของครอบครัว และยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย เพราะบริษัทย่อยที่นำส่งรายได้หรือเงินปันผลให้กับบริษัทโฮลดิ้ง ภาษี 0% หลังจากนั้นทางบริษัท โฮลดิ้งจะมีการแบ่งเงินปันผลนี้จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่เป็นสมาชิกของครอบครัวจะเสียภาษีเพียง 10% เท่านั้น และอีกส่วนหนึ่งกันไว้เป็นเงินกงสี หรือเงินกองกลาง เพื่อนำไปจัดสวัสดิการให้กับสมาชิกของครอบครัว และคนนอกที่เข้ามาเป็นสมาชิก เช่น เขย สะใภ้ รวมถึงรุ่นหลาน เหลน
ยกตัวอย่าง บริษัทโฮลดิ้งถือหุ้นในบริษัทย่อย 51% บริษัทย่อยมีการจ่ายปันผลปีละ 1,000 ล้านบาท เงินจำนวน 1,000 ล้านบาท วิ่งขึ้นไปที่ โฮลดิ้ง ภาษี 0% ไม่ต้องเสียภาษีปันผล แล้วโฮลดิ้งมีรายได้ ก็ปันผลให้กับสมาชิกตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งจะเจอ ภาษีหัก ณ ที่จ่ายแค่ 10% ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินกองกลาง หรือเงินกงสี ที่จะนำไปจัดสวัสดิการ หรือนำไปลงทุนหาผลตอบแทน
สวัสดิการ ต้องเป็นธรรม
สวัสดิการจะเป็นส่วนกลางที่ยึดเหนี่ยว ทำให้ครอบครัวยังคงเป็นครอบครัว ต้องจัดสรรให้กับสมาชิกอย่างเป็นธรรม เพื่อสร้างความกลมเกลียว และความเป็น ปึกแผ่นของครอบครัวให้คงอยู่อย่างแข็งแกร่ง โดยความเป็นธรรมนี้ไม่ใช่ทุกคนได้เท่ากัน โดยลูกๆ ที่เป็นสายเลือดตรงจะต้องได้รับสวัสดิการมากกว่าเขยหรือสะใภ้
นอกจากนี้ ระหว่างสมาชิกที่ทำงานให้กับ ครอบครัว จะต้องได้รับสวัสดิการมากกว่าสมาชิกที่ไม่ได้ทำงานให้ครอบครัว เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูก หลาน เหลน กลับมาช่วยทำงาน และอัตราเงินเดือนควรจะสูงกว่าตลาด ซึ่งควรเป็นอัตราเดียวกับมืออาชีพ เพื่อตอบแทนสมาชิกที่กลับมาทำงานให้กับครอบครัว
ในขณะเดียวกัน จะใช้สวัสดิการทำโทษสมาชิกครอบครัวที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น ผิดข้อห้าม ของครอบครัว จะถูกตัดสวัสดิการ เพื่อรักษาชื่อเสียงของ ครอบครัว
ปวดใจทายาทไม่สานต่อธุรกิจ
การจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง นอกจากจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี มีการจัดวางโครงสร้างธุรกิจอย่างเป็นระบบ ยังเป็นการเตรียมพร้อมในกรณีที่ทายาทไม่สานต่อธุรกิจ เพราะสามารถที่จะขายธุรกิจที่โฮลดิ้งถืออยู่ออกไปให้กับนักลงทุนโดยตรงได้ง่าย โดยรายได้จากการขายธุรกิจจะกลับเข้าไปที่บริษัทโฮลดิ้ง เพื่อนำไปหาผลตอบแทนให้กับครอบครัวต่อไป
อีกทางหนึ่ง คือ เสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไปผ่านการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นการลดสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจ และเปิดโอกาสให้มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาบริหารและสานต่อธุรกิจต่อไป


