ประวัติพระพุทธรูป ประจำพระชนมวาร
พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพุทธลักษณะ
โดย ไพรัตน์ สุขมะโน
พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพุทธลักษณะ
พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามญาติหรืออภัยมุทรา ด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ส่วนพระหัตถ์ซ้ายทอดลง ข้างพระวรกาย พุทธรูปมีพุทธลักษณะคล้ายพระพุทธรูปแบบสุโขทัย โดยมีพระพักตร์ เป็นวงรีพระนลาฏค่อนข้างแคบ พระขนงโก่ง พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์อมยิ้ม และมีพระ กรรณยาว พระเศียรประดับด้วยขมวด พระเกศเป็นก้นหอย มีเกตุมาลาและรัศมี รูปเปลวไฟอยู่เบื้องบน องค์พระพุทธรูปมี พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็กโดยครอง อุตราสงค์เรียบ ห่มคลุมพระอังสา ปล่อยชายอุตราสงค์ ให้ห้อยตกลงมาเป็นเส้นอ่อนโค้ง ด้านข้างพระวรกายทั้งสองข้าง
อันตรวาสกที่ทรงเรียบเช่นเดียวกับอุตราสงค์ คงปรากฏของสองชั้นที่บั้นพระองค์ และจีบทบห้อยลงมาเบื้องหน้ายาวเกือบจรดข้อพระบาท พระพุทธรูปประทับยืนบน ปัทมาสน์ ประกอบด้วยกลีบบัวหงายและ กลีบบัวคว่ำมีเกสรบัวประดับ
ปัทมาสน์นี้วางซ้อนอยู่เหนือฐานเขียง รูปแปดเหลี่ยมเบื้องล่าง
ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2489 เป็นต้นมานั้นยังมิได้มีการสร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวารขึ้นในรัชกาลนี้เลย ดังนั้นในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการสร้าง พระพุทธรูปประจำพระชนมวารปางห้ามญาติ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำวันจันทร์ อันเป็นวันพระบรมราชสมภพ มีขนาดสูง 9 นิ้ว หล่อด้วยโลหะเงินกะไหล่ทอง
พระพุทธรูปประจำพระชนมวารนี้ แก้ว หนองบัว เป็นผู้ปั้นหล่อ และหลังจากได้ทอดพระเนตรหุ่นปั้นทรงแก้ไขตามพระราชประสงค์แล้ว ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเททองหล่อ ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2530 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการฉลองสมโภชพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ในวันที่ 4 ธ.ค. 2530 ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เมื่อสร้างการแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมถวายพระนามว่า "พระพุทธสกลสันติกรบพิตรบรมจักริศรสถิตมงคล" แปลว่า พระพุทธเจ้าบพิตรทรงทำสันติทั่วสกลทิศ เป็นใหญ่ในจักร คือ ธรรมอำนวยมงคลให้สถิตมั่น หรืออำนวยมงคลแด่พระอิศวรแห่งพระราช จักรีวงศ์ให้ดำรงมั่นโดยธรรม แล้วโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ประดิษฐานไว้กับพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาล ณ หอพระสุราลัยพิมาน ในหมู่พระมหามณเฑียร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรี นฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชสมภพ วันจันทร์ที่ 5 ธ.ค. 2470 ตรงกับขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ จุลศักราช 1289 รัตนโกสินทรศก 146 บรมราชาภิเษก วันศุกร์ที่ 5 พ.ค. 2491 ตรงกับแรม 4 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล จุลศักราช 1312 รัตนโกสินทรศก 169
ในตำนานพระปราง อธิบายพระพุทธประวัติตอนนี้ว่า ในวัสสาที่ 15 พระบรมศาสดาเสด็จไปประทับ ณ นิโครธาราม ริมฝั่งแม่น้ำโรหิณี ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ กษัตริย์ชาวศากยะ พระญาติฝ่ายพระบิดาในนครกบิลพัสดุ์ กับกษัตริย์ชาวโลกิยะพระญาติฝ่ายพระมารดา ในเทวทหะนคร ทะเลาะกัน เพราะเหตุฝนแล้งแย่งน้ำทำนา พระบรมศาสดาทรงทราบด้วยพระญาณอันวิเศษ แล้วจึงเสด็จไปทรงปราศรัยด้วยพุทธปฏิภาณวาจาอันคมคายเป็นเชิงถามโดยปริยายว่า "ท่านทั้งหลายทะเลาะกันเพราะอะไร" "เพราะน้ำพระเจ้าข้า" "น้ำกับคนไหนจะมีค่ามากกว่ากัน" "คนมีค่ามากกว่าน้ำพระเจ้าข้า" "คนพวกไหนมีค่ามากกว่าเขา" "กษัตริย์หาค่ามิได้พระเจ้าข้า (คือมีค่าสูงสุด)" "ถ้าเช่นนั้นท่านจะเอาเรื่องน้ำมาเป็นเหตุฆ่ามนุษย์ ผู้เป็นกษัตริย์ ซึ่งมีค่าสูงสุดเช่นนี้จะสมควรแล้วหรือ" "ไม่สมควรเลยพระเจ้าข้า" แล้วประยูรญาติทั้งสองฝ่ายก็เลิกรากันไป ปัจจุบัน อัญเชิญพระพุทธรูปประจำพระชนมวารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในงานพระราชพิธีสงกรานต์
(ข้อมูลจากวชิราวุธานุสรณ์สาร ปีที่ 35 ฉบับที่ 4 วันที่ 11 พ.ย. 2459)


