‘บัญชีนวัตกรรมไทย’ ก้าวไกลสู่ไทยแลนด์ 4.0
การทำงานวิจัย คิดค้นนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ นับเป็นงานที่ท้าทายความสามารถอย่างยิ่งยวด
โดย อาทิตย์ ลมูลปลั่ง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
การทำงานวิจัย คิดค้นนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ นับเป็นงานที่ท้าทายความสามารถอย่างยิ่งยวด สำหรับนักวิจัย หรือผู้ประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมนั้น แต่การทำให้งานวิจัยใช้ได้จริง ขายได้และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคคนไทยนั้น อาจเป็นเรื่องที่ความท้าทายยิ่งกว่า
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุน “นวัตกรรมฝีมือคนไทย” รัฐบาลได้ทำนโยบาย “บัญชีนวัตกรรมไทย” ให้เกิดการพัฒนาต่อยอดและสร้างสรรค์นวัตกรรมไปสู่การผลิตและบริการที่ทันสมัย โดยจัดทำนโยบายจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เปิดโอกาสให้ภาครัฐเข้าถึงและใช้งานนวัตกรรมจากผลงานวิจัยและพัฒนาของคนไทย ที่ได้มาตรฐานและคุ้มค่าใช้จ่าย ทั้งยังเป็นการลดการซื้อและนำเข้าสินค้านวัตกรรมจากต่างประเทศ โดยมติคณะรัฐมนตรี (เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2558) มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นหน่วยตรวจสอบ คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่ขอขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย
สำหรับสำนักงบประมาณ รัฐบาลมอบให้เป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบราคากลางของผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ รวมทั้งจัดทำประกาศบัญชีนวัตกรรมไทยด้วย อย่างไรก็ตาม การกำหนดแนวทางส่งเสริมนวัตกรรมไทย ผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ถือเป็นเครื่องมือและกลไกการจัดทำบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อให้ผลงานนวัตกรรมไทยถูกนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างแท้จริง ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา มีผลงานขึ้นบัญชีนวัตกรรมที่ผ่านคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ พร้อมขายให้ภาครัฐแล้ว 81 ผลงาน โดยมีหลักเกณฑ์การขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย คือ ต้องเป็นผลงานวิจัยของคนไทย ผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นนิติบุคคลไทย (หรือคนไทยถือหุ้นเกินร้อยละ 51) ผลงานถูกกฎหมายผ่านมาตรฐานบังคับ และมีผลการวิเคราะห์ทดสอบยืนยันประสิทธิภาพนวัตกรรม จากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
แล้วผู้ประกอบการที่คิดค้นวัตกรรมจะได้อะไรจากการนำสินค้านวัตกรรมมาขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย? คำตอบที่ชัดเจน คือ หน่วยงานภาครัฐจะช่วยสนับสนุนการซื้อสินค้าและบริการที่ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย ซึ่งภาครัฐสามารถจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการได้ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ภาครัฐสามารถซื้อโดยตรงกับภาคเอกชนแบบทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการประกวดราคา ไม่ต้องหาคู่เทียบราคาหรือหาวิธีคัดเลือกว่าใครราคาถูกที่สุด เหตุผลเพราะว่าสินค้าในบัญชีนวัตกรรมฯ ล้วนเป็นสินค้าที่คณะกรรมการคัดเลือกแล้ว ซึ่งผ่านเกณฑ์ทั้งด้านราคา ประสิทธิภาพ และได้รับรองมาตรฐานต่างๆ จึงจะช่วยให้การตัดสินใจซื้อสินค้าระหว่างเอกชนกับภาครัฐง่ายขึ้น
ขอยกตัวอย่างผลงานนวัตกรรมไทยบางส่วนที่น่าสนใจ ได้แก่
“รถตรวจการณ์” หรือรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ใช้หลักการออกแบบและคำนวณทางวิศวกรรมขั้นสูงทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งโครงสร้างออกแบบโดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้โดยสาร ความแข็งแรง ทนทาน ของตัวถังรถยนต์ และการนั่งที่สะดวกสบายตามมาตรฐานการออกแบบและผลิตรถยนต์
จุดเด่นของเทคโนโลยี คือการผ่านการทดสอบด้านความแข็งแรงโครงสร้าง และด้านสภาวะความสบายของการโดยสาร โดยภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน-อวกาศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และบริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกให้ทำการดัดแปลงรถยนต์ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของรถตรวจการณ์ต้องใช้งานสมบุกสมบันในพื้นที่ห่างไกลหรือถิ่นทุรกันดาร จึงมีการทดสอบความแข็งแรง และการทดสอบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในด้านความเสถียรของการขับขี่ ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานของรัฐซื้อสินค้านวัตกรรมนี้ไปใช้ในงานราชการแล้ว
อีกผลงานนวัตกรรม คือ “ยูนิตทำฟัน” ฝีมือคนไทย ใช้เทคโนโลยีพลังงานนิวเมติก (พลังงานลม) เพื่อควบคุมการทำงานของเครื่อง เช่น ระบบดูดเลือด น้ำลาย ด้ามกรอฟันผ่าตัด ระบบแรงดันจ่ายน้ำแทนการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการ “กาลักน้ำ” นำมาต่อยอดเป็นนวัตกรรม จุดเด่นของยูนิตทำฟัน ยังสามารถใช้งานต่อเนื่องแม้ขณะไฟฟ้าดับ และได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้า โดยศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) และได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม รวมถึงมาตรฐานด้านเครื่องมือแพทย์อีกด้วย
เหล่านี้เป็นเพียงผลงานตัวอย่างนวัตกรรมไทยที่ได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่รัฐบาลส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมไทยใน “ตลาดภาครัฐ” ลดการนำเข้าและลดการซื้อสินค้าจากต่างชาติ ดังนั้นคนไทยจึงควรร่วมกันสร้างความเชื่อมั่น ให้นักจัย นักประดิษฐ์คิดค้น ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ได้คุณภาพมาตรฐานแบบนี้ โดยสนับสนุนให้มีการนำไปใช้งานจริง ในรูปแบบ “ไทยทำ ไทยใช้ ก้าวไกลสู่ไทยแลนด์ 4.0 ไปด้วยกัน”
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย สามารถติดต่อที่ สวทช. 02-564-8000 หรือศึกษารายละเอียดสินค้าบัญชีนวัตกรรมไทย ได้ที่ http://www.innovation.go.th/