แก้ปัญหาเชื้อรา ความชื้นผนังรั้ว

การต่อเติมผนังบ้านจนชิดแนวรั้วมักเกิดปัญหาเรื่องความชื้นที่ผนัง มีราขึ้นและสีลอก หรือกระเบื้องหลุดล่อนได้ เนื่องจากน้ำฝนไหลเข้าไปขังในร่องระหว่างผนังกับรั้ว อีกทั้งผนังก่ออิฐด้านที่ชิดกับรั้วก็ไม่สามารถฉาบปูนปิดกันน้ำได้

การแก้ปัญหาในเบื้องต้นควรติดตั้ง Flashing (สังกะสี/เมทัลชีต/สเตนเลส) พับเป็นตัวแอล ครอบยาวตลอดแนวระหว่างผนังกับรั้ว เพื่อป้องกันน้ำฝนไม่ให้ไหลเข้าไปในร่อง ในส่วนของผนังที่เกิดความชื้นควรรื้อกระเบื้อง หรือลอกสีที่พองและลอกล่อนออก

จากนั้นแก้ไขได้ด้วย 2 วิธี คือ วิธีแรกให้ทาผนังด้วยสีอะครีลิกประเภทที่ยอมให้ความชื้นระเหยออกมาได้ ซึ่งต้องควบคู่กับการระบายอากาศที่ดีภายในบ้านด้วย อีกวิธีคือทาด้วยวัสดุกันซึมประเภทอีพ็อกซีสำหรับทาที่ผนังด้านในโดยเฉพาะ จากนั้นจึงทาสีภายในหรือปูกระเบื้องตกแต่งตามต้องการ

หากเป็นการทำพื้นและผนังใหม่ตั้งแต่ต้น ควรหล่อคอนกรีตพื้นและผนังเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนการทำบ่อน้ำ โดยผสมน้ำยากันซึมเข้าไปในเนื้อคอนกรีตด้วย ความสูงของผนังที่หล่อควรสูงอย่างน้อย 1 เมตรเพื่อช่วยป้องกันปัญหาน้ำรั่วซึมที่ผนังและลดปัญหาความชื้นจากดิน

อย่างไรก็ตาม ความชื้นจากดินในช่องว่างระหว่างผนังและรั้วจะยังคงมีอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงควรหล่อผนังให้ห่างจากรั้วอย่างน้อย 10 เซนติเมตร เพื่อให้สามารถใช้อุปกรณ์ทาวัสดุกันซึมที่ผนังด้านที่ติดกับรั้วได้

ส่วนผนังที่เหลือสามารถก่ออิฐตามความสูงที่ต้องการ และด้านบนของผนังให้ครอบปิดช่องว่างด้วย Flashing เพื่อป้องกันฝน

ในกรณีที่รั้วเป็นของบ้านเราและไม่ได้ใช้ร่วมกับใคร หรือในกรณีที่รั้วใช้ร่วมกันและเพื่อนบ้านอนุญาต ก็อาจจะทุบรั้วแล้วก่อผนังทึบขึ้นมาแทนที่รั้ว โดยผนังจะต้องไม่ล้ำเข้าไปในเขตที่ดินข้างเคียงก็จะแก้ปัญหาไปได้

โดยสรุปแล้วการสร้างผนังอาคารชิดรั้วมักจะต้องเจอปัญหาเรื่องน้ำและความชื้น ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงในการป้องกันและแก้ไข ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรสร้างผนังอาคารชิดแนวรั้วควรเว้นอย่างน้อย 50 เซนติเมตร หรือ 1 เมตร จากแนวที่ดิน จะช่วยลดปัญหาเรื่องความชื้นที่ผนัง อีกทั้งยังถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย