เทคนิคสอนลูกออมหุ้น 7 ขวบเทรดผ่านแอพได้
มีน้อยคนนักที่จะเริ่มสอนเรื่องการเงินให้ลูกต่ำกว่าอายุ 10 ขวบ อาจมองว่ายังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจ ส่วนใหญ่จะเริ่มสอนจากการใช้จ่ายเป็นหลัก คนไทยเราจึงชินกับการจ่ายมากกว่าการเก็บออม ทำให้แก่ก่อนรวย
มีน้อยคนนักที่จะเริ่มสอนเรื่องการเงินให้ลูกต่ำกว่าอายุ 10 ขวบ อาจมองว่ายังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจ ส่วนใหญ่จะเริ่มสอนจากการใช้จ่ายเป็นหลัก คนไทยเราจึงชินกับการจ่ายมากกว่าการเก็บออม ทำให้แก่ก่อนรวย
หากได้ฟัง จักรพงษ์ เมษพันธุ์ หรือที่นักลงทุนจะ รู้จักในนาม หนุ่ม มันนี่โค้ช พูดในงานดิจิทัล อินเวสต์เมนต์ เดย์ 2017 เป็นประสบการณ์จริงที่ทำให้ความคิดเปลี่ยนได้ว่า เด็กเล็กๆ ในวัยอนุบาล ถึงวัยประถมสามารถเรียนรู้ด้านการเงินได้สมวัย
จักรพงษ์เริ่มสอนลูกเรื่องการออมเงินมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ โดยจะนำเงินใส่มือให้ลูกหยอดกระปุกก่อนนอนทุกคืน ต่อมาก็สอนเรื่องการลงทุน ถึงปัจจุบัน ลูก 9 ขวบ สามารถใช้แอพพลิเคชั่น สตรีมมิ่งของเซ็ทเทรด เพื่อดูราคาหุ้นและเทรดหุ้นได้แล้ว แต่อยู่ภายใต้การดูแลและการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
การสอนลูกเรื่องการออมเงินมาจากที่ตัวเองเป็นโค้ชการเงิน จึงคิดว่าควรจะสอนลูกให้เข้าใจเรื่องการเงินให้ได้ ถ้าสอนลูกไม่ได้ นี้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว โดยเริ่มจากการพาลูกไปนั่งฟังการบรรยายในห้อง ทำให้ลูกได้รับรู้ว่าครั้งหนึ่งพ่อไม่มีเงิน ชีวิตลำบาก ต้องรู้จักออมเงินและลงทุน จะได้มีเงินใช้ไม่ลำบาก
ลูกชายผมตอนนี้ พอไปกินอะไรอร่อย ก็บอกว่าเดี๋ยวจะทำขายบ้าง เห็นอะไรขายดีก็บอกจะทำขายบ้าง รู้สึกอยากทำนั้น ทำนี้ ตลอด จนพ่อต้องบอกว่า เบาๆ ลูกเอ๋ย ลูกยังทำไม่ได้ เพราะยังต้องไปเรียนหนังสือ ใครจะมาดูแลร้านให้ลูก
จากช่วงแรกที่สอนให้ออมเงิน หยอดกระปุกก่อนนอนทุกคืน พอได้มากหน่อยก็พาไปธนาคารเพื่อเปิดบัญชี ซึ่งเป็นการสอนให้ลูกได้เห็นถึงกระบวนการฝากเงิน ลูกออมได้เท่าไรก็จะสมทบให้ในสัดส่วนเท่ากัน พอครบปีจะมีอัตราดอกเบี้ยเข้ามา ซึ่งเป็นจังหวะในการสอนถึงการทำงานของเงิน และถ้าลูกอยากได้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต้องลงทุนในหุ้น
ยกตัวอย่าง เวลาไปธนาคารจะบอกว่า เห็นไหมธนาคารนี้ราคาหุ้นละ 3 บาทเท่านั้น แต่ลูกต้องซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้นนะ สอนให้ดู อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น/ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ หรือ P/E ในระดับที่เข้าใจง่ายๆ ว่า ถ้าพี/อีเยอะหรือสูง อยู่ที่ 30 กว่าลูก จะได้เงินลงทุนคืนก็ต้องรออีก 30 ปี
นอกจากนี้ ยังได้ยกพอร์ตลงทุนหนึ่งให้ลูกเมื่อตอนอายุ 7 ขวบ สอนให้ใช้แอพพลิเคชั่นสตรีมมิ่งของเซ็ทเทรด ซึ่งเด็กเรียนรู้เร็วและเข้าใจในระดับของเด็ก พอได้เงินปันผลมา 1,000 บาท ลูกดีใจมาก และเป็นช่วงที่มีเรื่องภาษีเงินปันผลเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นจังหวะที่สอนเรื่องภาษี
"ลูกจะถามว่าไม่เสียภาษีได้ไหม พอเราบอกว่าต้องเสีย ลูกบอกว่าไม่แฟร์ ด้วยความเป็นเด็ก เขาก็จะใช้ระบบ สตรีมมิ่ง มองหาหุ้นที่ราคาไม่เกิน 10 บาท เราก็ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ไปด้วยกัน" จักรพงษ์ กล่าว
จักรพงษ์ กล่าวว่า ในฐานะพ่อตั้งเป้าหมายไว้ว่าการให้ลูกออมหุ้นอย่างสม่ำเสมอ พออายุ 25 ปี ลูกจะมีเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งมองว่าไม่เร็วเกินไปที่จะสอนลูกเรื่องการลงทุนตั้งแต่เด็ก ถ้าลูกสนใจก็ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ ฝึกให้เขาเห็นจากของจริง
"ตอนนี้เริ่มจะมากไปแล้ว ต้องคอยเบรก เพราะจะนั่งจ้องหุ้น ต้องคอยเร่งให้ไปเรียนๆ และเป็นจังหวะที่เราสอนให้เขาตั้งเป้าหมายราคาที่จะซื้อไว้ได้ พอราคามาถึงเป้าหมายระบบจะซื้อให้" จักรพงษ์ กล่าว
จักรพงษ์ กล่าวว่า การลงทุนในหุ้นจะต้องมีความรู้ ต้องค้นหาตัวเองให้พบว่าเหมาะกับการลงทุนหุ้นพื้นฐาน หรือเหมาะกับการเทรดทำกำไรระยะสั้น และต้องมีวินัย อย่าทุ่มไปกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เพราะคิดว่าราคาจะพลิก ระวังหุ้นจะ มาพลิกชีวิตให้ไปในอีกทางหนึ่งที่เรา ไม่ต้องการ
กุญแจสำคัญของการลงทุน คือต้องรู้ว่าจะนำเงินแต่ละก้อนไปไว้ตรงไหน สำหรับก้อนที่ต้องสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ให้เก็บไว้ในที่ที่ชนะเงินเฟ้อ เช่น กองทุนตราสารหนี้ ส่วนพอร์ตเกษียณแล้วรวยจะเป็นก้อนใหญ่ ให้ลงทุนระยะยาวสม่ำเสมอเพื่อเกษียณแล้วจะได้มีเงินใช้อย่างเพียงพอ และพอร์ตที่อยากมั่งคั่งเร็วหรือเก็งกำไร


