พรรำไพ แจ่มจำรัส (เขียน) ศิลปะของการมีชีวิต
เรื่อง : นกขุนทองเพิ่งเขียนหนังสือเล่มแรก แต่ "พรรำไพ แจ่มจำรัส" ไม่ได้เพิ่งคิดแล้วลงมือทำ แต่การเขียนหนังสือ เป็นสิ่งที่เธออยากเขียนมานาน ความยากไม่ได้อยู่ที่การเป็นนักเขียนมือใหม่ จะขีดเขียนอะไร แต่อยู่ที่เรื่องจะเลือกนำมาเขียน ทำให้เธอใช้เวลาสั่งสมเรียนรู้เพาะบ่มความอยากเขียนอยู่นานหลายปี
เรื่อง : นกขุนทอง
เพิ่งเขียนหนังสือเล่มแรก แต่ "พรรำไพ แจ่มจำรัส" ไม่ได้เพิ่งคิดแล้วลงมือทำ แต่การเขียนหนังสือ เป็นสิ่งที่เธออยากเขียนมานาน ความยากไม่ได้อยู่ที่การเป็นนักเขียนมือใหม่ จะขีดเขียนอะไร แต่อยู่ที่เรื่องจะเลือกนำมาเขียน ทำให้เธอใช้เวลาสั่งสมเรียนรู้เพาะบ่มความอยากเขียนอยู่นานหลายปี
"คือเริ่มจากพ่อชอบอ่านหนังสือ อยู่บ้านนอกญาติที่ กทม.ก็จะส่งหนังสือที่เขาอ่านแล้วมาให้พ่อ พวกขายหัวเราะ สตรีสาร เราก็เลยได้อ่านไปด้วย กระทั่งถึงจุดสำคัญ คือ ตอน ม.2 เข้าห้องสมุดแล้วพบหนังสือปกขาวดำ มีรูปขวดเหล้ากลิ้งอยู่แล้วหยิบมาอ่าน โชคดีที่เป็นหนังสือดีมาก คำพิพากษา ของคุณชาติ กอบจิตติ เลยหลงมนตร์เรื่องเล่าจากตัวอักษรเอามากๆ
"ทีนี้ก็ยิ่งย้ำหัวตะปูเมื่อเข้าศึกษาระดับมหาวิทยาลัยแล้วโชคดีที่มีนักเขียนซีไรต์ ไพฑูรย์ ธัญญา เป็นครูอีก ท่านจัดกิจกรรมวรรณกรรมสัญจรพบปะนักเขียน คราวนี้ได้พบคุณชาติ คุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ และนักเขียนท่านอื่นๆ ที่เราชื่นชอบ เราก็เลยเป็นเด็กสาวช่างฝัน ใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักเขียนตั้งแต่ตอนนั้น แต่การเขียนหนังสือเป็นสิ่งยาก และต้องฝึกฝน ก็กลายเป็นมีข้ออ้างหลายอย่าง ทั้งเรียน ทั้งงาน เลยไม่สำเร็จ ก็ได้แต่เก็บเรื่องเล่าสะสมไว้เรื่อยๆ"
จากความอยากเป็นนักเขียน จนไปโลดแล่นในวงการละคร ทั้งละครโทรทัศน์ และละครเวที เป็นพี่ เป็นครูของน้องๆ ตระเวนไปแสดงละครทั่วประเทศ ได้พบปะผู้คนมากมาย หลากหลายวัฒนธรรม ฐานะ การศึกษา หากคำกล่าวที่ว่า "โลกละครเป็นดั่งชีวิตจริง" สิ่งที่พรรำไพแสดงหรือคลุกคลีบ่อยที่สุด ก็คือ มนุษย์
"มนุสสานัง" จึงเป็นงานเขียนเรื่องแรกของพรรำไพ "การเรียนรู้และเข้าใจความเป็นมนุษย์ เป็นศิลปะของการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ซึ่งกระทำได้ยากยิ่ง เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน อดทน และแม้ปากจะบอกว่าเข้าใจแล้ว แต่หาใช่การเข้าใจอย่างแท้จริงไม่ มนุษย์สามารถตีความสิ่งที่เห็นสิ่งเดียวกันในความหมายที่ต่างกัน สุดขั้วได้"
เรื่องสั้นทั้ง 9 เรื่องที่ปรากฏอยู่ในเล่มนี้ เป็นการบอกเล่าความคิดสดใหม่ต่อประเด็นสังคม เหตุการณ์และเนื้อหาอันหลากหลายล้วนแล้วแต่เป็นที่คุ้นชิน
"เราได้ไปเรียนละคร ได้รู้และเข้าใจมนุษย์ได้ในระดับหนึ่ง ก็อยากให้เรื่องเล่าของเราไว้เป็นอุทาหรณ์เพื่อจะยังประโยชน์กับผู้อื่นบ้าง เรื่องราวของมนุษย์มีมหาศาล เรื่องราวเพียง 9 เรื่องคงไม่ครบ แต่ทั้งนี้คงต้องแล้วแต่ผู้อ่านจะสัมผัสได้มากน้อยต่างกัน "
ทั้ง 9 เรื่อง ที่พรรำไพ หยิบยกพฤติกรรมของมนุษย์มานำเสนอ มีทั้งพฤติกรรมหมู่ที่ตามกระแสกันไป หรือปัจเจกบุคคล หากแต่เรื่องที่นำมานั้นไม่ใช่เรื่องต้องขุดค้นไปถึงก้นบึ้งหัวใจ เป็นสิ่งที่เห็นกันได้ดาษดื่นในสังคมที่เทคโนโลยีรุดหน้า เงินตรามีอำนาจ คนมีอำนาจทำตัว คับฟ้า ความกลัว ความทะเยอทะยาน การเสแสร้งแกล้งทำ โลกโซเชียล ความรักที่ตีแผ่สังคมที่มากกว่าหนึ่งหญิงหนึ่งชาย แต่ผู้เขียนได้นำมาเสนอในมุมมองใหม่ จะเรียกว่า เป็นการทดลองงานเขียนก็ว่าได้ เพราะทั้ง 9 เล่มนั้น ใช้กลวิธีการเล่าแตกต่างกันไป หากแต่ยังมีโครงสร้างแบบบทละครตามสิ่งที่ผู้เขียนถนัดอยู่ในหลายเรื่อง
แม้จะพยายามที่จะทำความเข้าใจกับมนุษย์ แต่ในเรื่องสั้นก็ไม่ได้ชี้ สรุปให้ผู้อ่านคิดตาม รู้สึกเห็นตาม เพราะในความซับซ้อนของความเป็นมนุษย์นั้น ต้องได้พบเจอ เรียนรู้ และค้นหากันเอง ถึงจะเจอธาตุแท้ของมนุษย์
"มนุสสานัง" เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของพฤติกรรมมนุษย์ในสังคมที่ศีลธรรมอ่อนแอ และผู้คนต้องการเป็นที่ยอมรับของคนอื่นมากกว่าการเข้าใจและยอมรับตัวเอง


