ข้อกำหนดแมนเดลา สู่เรือนจำต้นแบบแห่งแรกของโลก
เรื่อง พุสดี สิริวัชระเมตตาจํานวนผู้ต้องขังทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดปัญหาผู้ต้องขังล้นคุก (Prison Overcrowding) ไม่เว้นประเทศไทย ซึ่งตัวเลขผู้ต้องขังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันมีจำนวนผู้ต้องขังมากกว่า 2.86 แสนคน (เพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้ต้องขังในปี 2551 คิดเป็น 55%) จากพื้นที่ความจุที่รองรับได้เต็มที่เพียง 2.45 แสนคน
เรื่อง พุสดี สิริวัชระเมตตา
จํานวนผู้ต้องขังทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดปัญหาผู้ต้องขังล้นคุก (Prison Overcrowding) ไม่เว้นประเทศไทย ซึ่งตัวเลขผู้ต้องขังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันมีจำนวนผู้ต้องขังมากกว่า 2.86 แสนคน (เพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้ต้องขังในปี 2551 คิดเป็น 55%) จากพื้นที่ความจุที่รองรับได้เต็มที่เพียง 2.45 แสนคน
ท่ามกลางผลกระทบต่อการบริหารจัดการเรือนจำ แต่แนวทางการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพยังคงเป็นประเด็นที่นานาชาติไม่อาจมองข้าม รวมทั้งกรมราชทัณฑ์ไทยแม้จะเป็นหน่วยงานปลายน้ำในกระบวนการยุติธรรม แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาปรับปรุงระบบการบริหารจัดการเรือนจำไทยให้ได้มาตรฐาน ด้วยการร่วมมือกับสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (ทีไอเจ) ขับเคลื่อนข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules) ซึ่งเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังสู่การปฏิบัติเต็ม รูปแบบเป็นแห่งแรกในโลก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงริเริ่มโครงการเรือนจำต้นแบบตามข้อกำหนดกรุงเทพฯ หรือ Bangkok Rules ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง
นับตั้งแต่ปี 2558 ทีไอเจได้ร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์นำข้อกำหนดกรุงเทพฯ มาปฏิบัติ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในหมู่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ สนับสนุนให้เรือนจำและทัณฑสถานหญิง คำนึงถึงความ แตกต่างทางเพศสภาพในหลายๆ ด้าน ซึ่งรวมถึงการตั้งครรภ์ การคลอดบุตรและการเลี้ยงดูทารกแรกเกิดในการบริหารจัดการเรือนจำและการปฏิบัติต่อ ผู้ต้องขังและผู้กระทำผิดหญิงจนถึงปี 2559 มีเรือนจำและทัณฑสถานที่ผ่านการประเมินให้เป็นเรือนจำต้นแบบแล้ว 6 แห่ง ได้แก่ เรือนจำจังหวัดอุทัยธานี เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ทัณฑสถานหญิงชลบุรี และเรือนจำกลางสมุทรสงคราม
อายุตม์ สินธพพันธุ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการเรือนจำให้ได้มาตรฐานมาโดยตลอด โดยก่อนหน้านี้ได้สนับสนุนกระบวนการปรับปรุงแก้ไขตามข้อกำหนดแมนเดลามาแล้วบางส่วน และมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนข้อกำหนดแมนเดลาอย่างเต็มรูปแบบเป็นแห่งแรกในโลก โดยเลือก เรือนจำพิเศษธนบุรีเป็นเรือนจำนำร่อง เพราะมีความพร้อมในหลายด้านๆ โดยตั้งเป้าว่าจะเป็นเรือนจำต้นแบบในปี 2561 ซึ่งหากสามารถยกระดับมาตรฐานการจัดการได้เป็นผลสำเร็จ ไม่เพียงจะเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลง แต่ยังจะขยายผลการปฏิบัติตามไปยังเรือนจำและทัณฑสถานแห่งอื่นๆ
สำหรับข้อกำหนดแมนเดลา เพื่อเป็นการวางมาตรฐานขั้นต่ำในการบริหารจัดการเรือนจำที่ดี รวมทั้งสร้างหลักประกันว่าสิทธิของผู้ต้องขังจะได้รับการเคารพ ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำนวยการทีไอเจ อธิบายถึงหลักการพื้นฐาน 5 ข้อของข้อกำหนดแมนเดลา ว่าประกอบด้วย 1.ผู้ต้องขังพึง ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพต่อศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ 2.ห้ามการทรมานหรือการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้วยความทารุณ 3.ให้ปฏิบัติต่อผู้ต้องขังโดยคำนึงถึงความต้องการขั้นพื้นฐานโดยไม่เลือกปฏิบัติ 4.วัตถุประสงค์ของเรือนจำ คือ การคุ้มครองสังคมให้ปลอดภัยและลดการกระทำผิดซ้ำ และ 5.ผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการด้านต่างๆ ในเรือนจำและผู้เข้าเยี่ยมจะต้องได้รับความปลอดภัยตลอดเวลา
"ข้อกำหนดแมนเดลานี้เป็นผลจากการที่นานาชาติเล็งเห็นถึงความสำคัญของการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ จึงได้มีการทบทวนและแก้ไข "ข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง" (Standard Minimum Rules for the Treatment of Prisoner : SMR) ใน 8 หัวข้อสำคัญ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานด้านการราชทัณฑ์และสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2498 ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ และเป็น 1 ใน 4 ประเทศแกนนำ ที่ร่วมสนับสนุนการร่างข้อกำหนดฉบับปรับปรุงใหม่ภายใต้ชื่อข้อกำหนดแมนเดลา และผลักดันข้อกำหนดดังกล่าวให้ได้รับการลงมติเห็นชอบจากสมัชชาแห่งสหประชาชาติ ทั้งนี้ ชื่อข้อกำหนดดังกล่าวตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติแก่นายเนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำถึง 27 ปี ระหว่างการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม"
ในฐานะผู้ปฏิบัติงานให้มีความสอดคล้องกับข้อ กำหนดแมนเดลา ทางเรือนจำพิเศษธนบุรีได้มีการ แบ่งการทำงานเป็น 7 ระยะ ได้แก่ 1.การวางแผนจัดทำโครงการ 2.การเตรียมการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาเรือนจำตามข้อกำหนดขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติ 3.การประกาศขับเคลื่อนเรือนจำต้นแบบตามข้อกำหนดแมนเดลา 4.การนำข้อกำหนดแมนเดลามาปฏิบัติให้ได้ตามมาตรฐาน 5.การตรวจประเมินเรือนจำ 6.การ สรุปและประเมินผลและการขยายผลสู่เรือนจำและ ทัณฑสถานอื่นๆ โดยตามแผนงานที่วางไว้ คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อกำหนดต่างๆ และผ่านการประเมินเป็นเรือนจำต้นแบบภายในปี 2561
เพื่อยกระดับงานราชทัณฑ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม และเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้กระทำผิดให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ เผยถึงบทบาทของ ทีไอจีในการช่วยส่งเสริมความมุ่งมั่นของกรมราชทัณฑ์ให้เป็นรูปธรรมว่า ทีไอเจไม่เพียงจัดทำคู่มือฉบับย่อสำหรับข้อกำหนดแมนเดลาฉบับภาษาไทย เพื่อเป็นแนวทางแก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ในการบริหารจัดการเรือนจำให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำตามข้อกำหนดแมนเดลา แต่ยังเข้าไปมีบทบาทในการเป็นที่ปรึกษาเชิงนโยบายและช่วยเพิ่มพูนองค์ความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เรือนจำพิเศษธนบุรี เพื่อผลักดันการสร้างเรือนจำต้นแบบตามข้อกำหนดแมนเดลาให้เป็นจริง
"แนวทางการปฏิบัติจากนี้จะคล้ายกับการขับเคลื่อนข้อกำหนดกรุงเทพฯ คือ เมื่อกรมราชทัณฑ์นำข้อเสนอแนะไปใช้ในการปรับปรุงเรือนจำพิเศษธนบุรีให้ได้มาตรฐานในฐานะเรือนจำต้นแบบตามข้อกำหนดแมนเดลา เมื่อการดำเนินโครงการนำร่องที่เรือนจำพิเศษธนบุรีเสร็จสิ้นลงแล้ว กรมราชทัณฑ์จะขยายผลการดำเนินโครงการไปยังเรือนจำและทัณฑสถานอื่นๆ ในประเทศไทยต่อไปสร้างเรือนจำต้นแบบให้สำเร็จ เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เราไม่ได้บอกว่าเราเป็นต้นแบบเรือนจำที่ดีที่สุด แต่เราพยายามยกระดับมาตรฐานเรือนจำไทยภายใต้ข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน เพื่อเป็นต้นแบบให้กับอีกหลายๆ ประเทศที่มีระดับการพัฒนาอยู่ในระดับเดียวกับเรา" ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย n


