posttoday

เงินออม "ข้าราชการ" ไม่พอยังชีพ

09 กรกฎาคม 2560

โดย...ชัตน์วรี

โดย...ชัตน์วรี

ไม่ว่าจะเป็น “มนุษย์เงินเดือน” ข้าราชการหรือพนักงานเอกชน ลำพังเพียงเงินออมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนชราภาพของประกันสังคมนั้นไม่เพียงจะยังชีพในยามชราภาพ

ถ้าเป็นผู้ประกันตนส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมชราภาพได้รับเงินเดือน เดือนละ 1.5 หมื่นบาทมาตลอด และส่งเงินสมทบมาแล้ว 20 ปี อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละประมาณ 4,125 บาท จนตลอดชีวิต 

ส่วนข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.อายุ 25 ปี ฐานเงินเดือนคงที่ 1.5 หมื่นบาท ถ้าออมเงินเดือนละ 3% มีอายุราชการ 35 ปี เกษียณเมื่ออายุ 60 ปี จะได้รับเงินออมหลังเกษียณประมาณ 7.7 แสนบาท (ไม่รวมเงินสมทบเงินชดเชยและเงินประเดิมจากรัฐบาล) แต่ถ้าออมเพิ่ม 12% จะมีเงินออมตอนเกษียณเกือบ 4 ล้านบาท

ผลสำรวจระบุถึงค่าเฉลี่ยของเงินที่ต้องใช้ต่อเดือนหลังเกษียณอยู่ที่ 1.6 หมื่นบาท/เดือน หากอายุอยู่ที่ประมาณ 55 ปี ปัจจุบันจะต้องเก็บเงินไว้ได้ถึง 4.5 ล้านบาท จึงจะเพียงพอที่จะมีชีวิตอยู่ได้หลังเกษียณ กรณีเกษียณไปแล้ว 5 ปี อยู่ที่ 1.75 หมื่นบาท/เดือน และกรณีอายุ 70 ปีขึ้นไป ต้องใช้ 1.8 หมื่นบาท/เดือน

ล่าสุด กบข.ได้ทำการศึกษาวิจัย เรื่อง อัตราเพิ่มและแนวทางเพิ่มอัตราเงินออมของสมาชิก กบข. เพื่อหาข้อสรุปเชิงนโยบายว่า วิธีการใดเหมาะสมในการทำให้สมาชิก กบข.มีการออมเพิ่ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการมีเงินใช้หลังเกษียณในระดับสะดวกสบาย

โดยปัจจุบัน กบข.กำหนดอัตราการออมตามกฎหมายที่ 3% โดยภายใต้การบริหารด้วยแนวนโยบายการลงทุนในปัจจุบันไม่สามารถทำให้ข้าราชการสมาชิกมีเงินใช้จ่ายในระดับสะดวกสบายจนวันสุดท้ายของชีวิต

เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนการออมภาคบังคับเฉลี่ยในกลุ่มประเทศ OECD จะอยู่ที่ 18% นิวซีแลนด์มีอัตราการออมต่ำที่สุดอยู่ที่ 6% อิตาลีมีอัตราออมสูงสุดอยู่ที่ 33%

ดังนั้น การต้องกระตุ้นให้สมาชิก กบข.ออมเงินเพิ่มขึ้น โดยมี 3 แนวทาง คือ

แนวทางที่ 1 รัฐสมทบเพิ่มสำหรับสมาชิกที่มีการออมเพิ่ม

แนวทางที่ 2 สมาชิกจะถูกหักสะสมเพิ่มเมื่อเงินเดือนขึ้นและจะถูกหยุดหักสะสมเพิ่มเมื่อบรรลุอัตราสูงสุดตามกฎหมายกำหนด

แนวทางที่ 3 ศึกษาความเป็นไปได้ในการกระตุ้นให้เกิดการออมเพิ่ม โดยเชื่อมโยง “การออมเพิ่ม” กับ “การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในวัยเกษียณ”

โดยผลจากการศึกษาในครั้งนี้ เมื่อถามถึงความประสงค์ที่ออมเงินเพิ่มกับ กบข.ในอัตราที่สูงกว่าปัจจุบัน สมาชิก 51% ต้องการออมเพิ่ม ในขณะที่ 49% ไม่ต้องการออมเพิ่ม เนื่องจากไม่มีความสามารถในการออมเพิ่ม หรือหากมีก็ต้องการจะออมเพิ่มผ่านช่องทางอื่น และบางคนมองว่าการออมในระยะยาวยังไม่ใช่เป้าหมายในปัจจุบัน

เมื่อสอบถามถึงมาตรการจูงใจในการออมเพิ่ม สมาชิก 94% เห็นด้วย หากรัฐจะสมทบเพิ่มให้กับสมาชิกที่ออมเพิ่ม โดยรัฐอาจเพิ่มให้ในอัตราเดียวกัน หรือต่างกันก็ได้ เช่น รัฐอาจสมทบเพิ่มในอัตราก้าวหน้า หรือรัฐอาจสมทบเพิ่มให้สมาชิกที่อายุน้อย หรือเงินเดือนน้อย ในอัตราที่มากกว่าสมาชิกที่อายุมากหรือมีเงินเดือนมากกว่า

และเมื่อสอบถามว่า หากรัฐมีการแก้กฎหมายให้มีการปรับเพิ่มอัตราสะสม โดยกำหนดให้สมาชิกมีการสะสมเงินเพิ่มเมื่อมีการขึ้นเงินเดือน และจะหยุดสะสมเพิ่มเมื่ออัตราสะสมของสมาชิก บรรลุอัตราสะสมสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด ปรากฏว่าสมาชิก 83% เห็นด้วยกับมาตรการนี้

อย่างไรก็ตาม กบข.ยังต้องนำเสนอข้อสรุปนี้ต่อคณะกรรมการ กบข.และจะได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นการออมเพิ่มของสมาชิกต่อไป

นี่จึงเป็นเพียงแค่แนวทางหนึ่งที่จะเพิ่ม “การออมเงิน” ของข้าราชการไทย เพื่อเก็บไว้ใช้ในวัยเกษียณ เพราะลำพังเพียงเงินบำนาญคงจะไม่พอยังชีพกันแล้ว

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ