จิรวัฒน์ โพลีวัฒนะ ดูทีวีจุดฝันสร้างธุรกิจและครอบครัว
พรสวรรค์ นันทะ ารทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ หรืออี-คอมเมิร์ซ ให้ประสบความสำเร็จ มีเงินเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงงานประจำไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะในยุคดิจิทัลที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกแห่ง แม้จะทำให้เรามองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ แต่อย่าลืมว่าคนอื่นก็เห็นเช่นกันทำให้มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นจำนวนมากเป็นเงาตามตัว แต่ "เอิน" จิรวัฒน์ โพลีวัฒนะ หนุ่มวัย 28 ปี ลูกชายคนสุดท้องคนนี้ทำสำเร็จไปแล้วเกินครึ่งทาง
พรสวรรค์ นันทะ
ารทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ หรืออี-คอมเมิร์ซ ให้ประสบความสำเร็จ มีเงินเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงงานประจำไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะในยุคดิจิทัลที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกแห่ง แม้จะทำให้เรามองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ แต่อย่าลืมว่าคนอื่นก็เห็นเช่นกันทำให้มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นจำนวนมากเป็นเงาตามตัว แต่ "เอิน" จิรวัฒน์ โพลีวัฒนะ หนุ่มวัย 28 ปี ลูกชายคนสุดท้องคนนี้ทำสำเร็จไปแล้วเกินครึ่งทาง
เอิน เล่าว่า กว่าจะลงตัวกับการเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ ไม่ง่าย ต้องเรียนรู้และเคยเจ๊งกับธุรกิจอื่นมาแล้ว เพราะตอนเรียนจบใหม่ๆ ก็เคยทำงานประจำมาก่อน แต่ทำอยู่ได้ไม่นานก็ออก เพราะรู้สึกตัวเองอยากเป็นเจ้าของธุรกิจเองมากกว่า ทำให้พอออกจากงานประจำก็มาทำนมถั่วเหลืองอยู่เป็นปี เจ๊งไม่เป็นท่า แถมติดหนี้อีก 2 ล้านบาทด้วย แต่ก็ไม่ละความพยายามจะหารายได้ จนมาลงตัวที่การขายของชำร่วยและของที่ระลึกในงานศพทางออนไลน์ ชื่อเว็บ www.sukhogroup.com ที่ทำร่วมกับหุ้นส่วนอีก 2-3 คน แต่ผมเป็นคนบริหารจัดการหลัก ขายของหลากหลายชนิดที่คนเห็นว่าต้องใช้ในงานศพ อาทิ ร่ม พัด ยาดม หนังสือธรรมะ เป็นต้น
ในช่วงเริ่มต้นใหม่ๆ 3-4 เดือนแรกลำบากมาก เพราะยอดขายไม่สู้ดี ลูกค้าไม่รู้จัก ซัพพลายเออร์ไม่เชื่อใจ สั่งของยาก แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราพยามส่งของให้ตรงเวลา เพราะงานศพจะผิดพลาดไม่ได้ รูปที่ใช้ลงเว็บพยายามให้เท่าขนาดของจริงไม่เฟก ลูกค้าจะได้ดูง่าย สุดท้ายลูกค้าก็บอกกันปากต่อปากทำให้ธุรกิจดีขึ้นต่อเนื่อง กระทั่งสามารถทยอยใช้หนี้เดิมได้จนหมด
เพราะสิ่งแรกก่อนจะเก็บเงินออมให้ได้แบบมีกำลังใจต้องเร่งเคลียร์ภาระหนี้ให้หมดก่อน ยอมลำบากในช่วงแรกแต่พอหมดภาระจะทำให้มีกำลังใจในการเก็บออม มีสภาพคล่องในการจัดการธุรกิจ ที่สำคัญประสบการณ์หนี้ทำให้เข็ดกับการกู้เงินมาก ทำให้เมื่อมาทำธุรกิจเองจะไม่ใช้เงินกู้เลย เพราะเราสามารถแบ่งเงินรายได้สะสมเอาไว้ลงทุนต่อยอดธุรกิจ และสร้างผลตอบแทนที่ดีได้โดยไม่ต้องเสียเปรียบจากการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย
เอิน เล่าต่อว่า ปกติจะมีรายได้จากการขายของเข้ามาหลักแสนบาทต่อเดือน โดยผมก็จะแบ่ง เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว สำหรับหมุนเวียนในการจัดการสินค้าซื้อสินค้ามาขายไว้ส่วนหนึ่งประมาณ 40-50% และที่เหลือแบ่งเก็บเข้าบัญชีเงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ 30-40% ทำให้เป็นประจำทุกเดือน แม้ในบางเดือนจะฝากได้ไม่เท่ากันทุกเดือนก็ตาม ส่วนอีกประมาณ 10-20% ก็แบ่งลงทุนในหุ้น ส่วนใหญ่จะลงทุนหุ้นพื้นฐานดีและมีการจ่ายปันผล
"ผมยอมรับว่าในยามที่มีรายได้เข้ามาน้อย หรือรายได้ไม่แน่นอนผมจะเครียดบ้าง ไม่ค่อยมีกำลังใจจะแบ่งเงินฝาก เพราะต้องกันเงินเอาไว้หมุนซื้อของมาขาย แต่พอนึกถึงสิ่งที่คิดไว้ในวันข้างหน้า มันทำให้มีกำลังใจเก็บเงิน จะเก็บมากบ้างน้อยบ้างก็ต้องเก็บ" เอิน กล่าว
สำหรับเป้าหมายที่ทำให้เอินมีแรงบันดาลใจ มุ่งมั่นในการเก็บออมเงินมาตลอด 3 ปี ที่ทำธุรกิจขายของออนไลน์ เพราะเอินได้ตั้งใจว่า 1) จะเก็บเงินขยายออฟฟิศ จะได้มีพื้นที่เหมือนโกดังเก็บสินค้าที่เตรียมไว้ขายมากขึ้น เลยอยากสร้างออฟฟิศใหม่ จากเดิมที่ออฟฟิศเก่ากว้างเพียง 30 ตารางวา สร้างออฟฟิศใหม่ให้กว้างสัก 120-150 ตารางวา ซึ่งน่าจะใช้เงินประมาณ 10 ล้านบาท โดยคาดว่าเป้าหมายนี้น่าจะสำเร็จภายในปีนี้หรืออย่างมากไม่เกินต้นปีหน้า
2) ให้รางวัลกับตัวเองในการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี 3) ดูแลตัวเองและแม่ที่เกษียณแล้วให้ดีที่สุด และ 4) อันนี้ดูเหมือนจะสำคัญไม่แพ้กัน คือ อยากมีเงินสักก้อนไว้มองหาธุรกิจหรืองานอื่นๆ ทำเพิ่มอีก เพราะการมีเงินทุนของเราเองจะทำให้มีโอกาสมากขึ้นในการมองหาธุรกิจหรืองานชิ้นใหม่ๆ เพราะว่าสักวันผมฝันจะมีครอบครัวของผมเอง เพราะผมยังโสด จากความตั้งใจที่แจ่มชัดในความรู้สึกทั้งหมดนี้ ทำให้เอินยังเดินหน้าเก็บเงินต่อไปไม่ท้อง่ายๆ แน่นอน
พอถามถึงสาเหตุลึกๆ ที่ทำให้เลือกเส้นทางที่อยากเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง มีอิสระในการดูแลบริหารจัดการงานเอง กระทั่งเกิดแรงบันดาลใจให้เกิดการตั้งเป้าหมายในชีวิต จนกล้าคิดฝันและทำมันจนเป็นรูปเป็นร่างมาถึงวันนี้ได้ เอิน เล่าว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้คิดเดินในเส้นทางนี้เพราะชอบดูรายการทีวีที่ให้แง่คิดและมุมมองในการทำธุรกิจ อาทิ รายการอายุน้อย 100 ล้าน หรือรายการ PERSPECTIVE (เปอร์-สเปกทิฟ) เป็นต้น เพราะสิ่งที่ดูมันทำให้จุดประกายให้เริ่มคิดสิ่งใหม่ๆ ได้ดี เกิดมุมมองที่ต่างออกไป ที่สำคัญมันทำให้คนอายุไม่มากอย่างเขากล้าคิดกล้าฝัน และนำแนวคิดที่ได้รับฟังและได้ชมมาประยุกต์ใช้กับตัวเองจนประสบความสำเร็จได้ระดับหนึ่ง ณ เวลานี้


