posttoday

อธิกร ศรียาสวิน หรู ‘ติดลบ’ ปลดแอกกับดักหนี้

09 พฤษภาคม 2560

จากชีวิตที่ติด “ลบ” ขับรถยุโรปหรู แต่ไม่มีเงินในกระเป๋าเลย วันนี้ “อธิกร ศรียาสวิน” หนุ่มที่เปลี่ยนแนวความคิดการบริหารเงิน ทำให้ชีวิตได้เปลี่ยนอธิกรเป็นหนุ่มที่มากมายความสามารถ เริ่มต้นการทำงานเป็นพนักงานประจำ สะสมเก็บเกี่ยว ประสบการณ์ ก่อนที่จะมาทำงานอิสระ เป็นทั้ง Brand Consult ที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ วิทยากรหลักสูตร Innovate Your Life อาจารย์พิเศษ รวมถึงคอลัมนิสต์ และดีเจ Fm99.0อีกมุมหนึ่งของชีวิตด้านการเงิน อธิกร เปิดใจเล่าว่า “ผมเคยมีสภาพการเงินแย่มากๆ ทั้งๆ ที่ขับรถยุโรปหรูๆ แต่เงินในกระเป๋าไม่มี ขับรถผ่านตลาดอยากจะกินมะม่วงกิโลละ 40 บาท ผมไม่มีเงินซื้อ ตอนนั้นทำให้ผมคิดได้ว่า เราดูดี มีสินทรัพย์ ทั้งบ้านและรถหรูๆ แต่เราไม่มีเงินสดเลย และมีแต่หนี้ที่จะต้องผ่อนๆ และก็ผ่อน และยิ่งเห็นดอกเบี้ยจะต้องจ่ายมันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน”  อธิกร เล่าว่า เมื่อก่อนเขาก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนชั้นกลางทั่วๆ ไป ที่จะต้องพกบัตรเครดิตและต้องกลายมาเป็นคนที่ติดกับดักการเป็นหนี้บัตรเครดิต มีภาระการผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ จนมาวันหนึ่งหักดิบตัดบัตรเครดิตทุกใบและไม่ใช้บัตรเครดิตเลย หลังจา

จากชีวิตที่ติด “ลบ” ขับรถยุโรปหรู แต่ไม่มีเงินในกระเป๋าเลย วันนี้ “อธิกร ศรียาสวิน” หนุ่มที่เปลี่ยนแนวความคิดการบริหารเงิน ทำให้ชีวิตได้เปลี่ยน

อธิกรเป็นหนุ่มที่มากมายความสามารถ เริ่มต้นการทำงานเป็นพนักงานประจำ สะสมเก็บเกี่ยว ประสบการณ์ ก่อนที่จะมาทำงานอิสระ เป็นทั้ง Brand Consult ที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ วิทยากรหลักสูตร Innovate Your Life อาจารย์พิเศษ รวมถึงคอลัมนิสต์ และดีเจ Fm99.0

อีกมุมหนึ่งของชีวิตด้านการเงิน อธิกร เปิดใจเล่าว่า “ผมเคยมีสภาพการเงินแย่มากๆ ทั้งๆ ที่ขับรถยุโรปหรูๆ แต่เงินในกระเป๋าไม่มี ขับรถผ่านตลาดอยากจะกินมะม่วงกิโลละ 40 บาท ผมไม่มีเงินซื้อ ตอนนั้นทำให้ผมคิดได้ว่า เราดูดี มีสินทรัพย์ ทั้งบ้านและรถหรูๆ แต่เราไม่มีเงินสดเลย และมีแต่หนี้ที่จะต้องผ่อนๆ และก็ผ่อน และยิ่งเห็นดอกเบี้ยจะต้องจ่ายมันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน”  อธิกร เล่าว่า เมื่อก่อนเขาก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนชั้นกลางทั่วๆ ไป ที่จะต้องพกบัตรเครดิตและต้องกลายมาเป็นคนที่ติดกับดักการเป็นหนี้บัตรเครดิต มีภาระการผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ จนมาวันหนึ่งหักดิบตัดบัตรเครดิตทุกใบและไม่ใช้บัตรเครดิตเลย หลังจากเจอมรสุมหนี้และหันมาทุ่มเทการทำงานและใช้หนี้ จากคนที่ติดลบเป็นหนี้ 3 ล้านบาท ใช้หนี้ทั้งหมดภายใน 2 ปี

“ทุกวันนี้ผมจะใช้จ่ายอะไรใช้เงินสด เวลาเราควักกระเป๋าจ่ายเงินสด เราจะมีความรู้สึกเสียดายและคิดมากหน่อยเวลาที่จะซื้ออะไร การหยุดการใช้บัตรเครดิตก็เหมือนการหยุดการนำเงินในอนาคตมาใช้ ผมกลัวกับการเป็นหนี้และกลัวดอกเบี้ย เพราะเคยเจอในช่วงวิกฤตจ่ายดอกเบี้ยบ้านสูงสุด 18% ก็เคยเจอมาแล้ว”

บทเรียนวิชาการเงินในชีวิตจริงของ“อธิกร” แม้ว่าจะจบการศึกษาด้านการเงินการธนาคาร และเรียนบัญชีมาโดยตรง แต่อธิกรกล้าที่จะบอกว่าสอบตกด้านการบริหารเงินในชีวิตจริง เพราะเขาซื้อทุกอย่างที่อยากจะได้ ซื้อคอมพิวเตอร์มา 6 เครื่อง ทั้งๆ ที่ใช้เพียงเครื่องเดียวก็พอ ซื้อรถยนต์โฟร์วีลทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็น ซื้อบ้านทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ และปล่อยทิ้งไว้ไม่สร้างรายได้ มีแต่หนี้ๆ และดอกเบี้ยที่จะต้องจ่าย

สิ่งแรกในการที่จะหลุดพ้นวงจรหนี้ อธิกรได้ตัดสินใจไม่ใช้บัตรเครดิต ตัดบัตรเครดิตทิ้งทุกใบ และเริ่มมาสำรวจสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ตัดขายทั้งหมดทั้งบ้านและรถ จะซื้อของใช้ที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

เขาเริ่มที่จะใช้วิธีการบริหารเงินด้วยหลักง่ายๆ คือ แบ่งบัญชีเงินธนาคารออกเป็นส่วนๆ “อธิกร” มีบัญชีเงินฝาก 7 เล่ม

บัญชีเงินฝากเล่มแรก จะเป็นบัญชีเพื่อธุรกิจ รายได้จากการทำงานให้เงินเข้าอยู่ในบัญชีนี้เท่านั้น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับธุรกิจก็เบิกจ่ายจากบัญชีนี้

บัญชีเงินฝากเล่มที่ 2 บัญชีเงินฝากที่ใช้ส่วนตัว จะมีการโอนเงินจากบัญชีรายได้จากธุรกิจ เฉพาะในส่วนเงินเดือนของผม ในฐานะที่เป็นพนักงานคนหนึ่งด้วย เงินนี้จะมีบัตรเอทีเอ็มและใช้จ่ายส่วนตัว

บัญชีเล่มที่ 3 จะเป็นบัญชีเงินฝากเพื่อการท่องเที่ยว เงินที่เหลือจากรายได้เขาจะโอนเงินส่วนหนึ่งเพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายท่องเที่ยว และให้เวลาตัวเองเพื่อไปเขียนหนังสือ ซึ่งเป็นงานหนึ่งที่เขารัก

บัญชีเล่มที่ 4 บัญชีรายได้เกี่ยวกับการทำดนตรี การเป็นดีเจ

บัญชีเล่มที่ 5 จะเก็บรายได้จากการเป็นวิทยากร อาจารย์พิเศษ

บัญชีเล่มที่ 6 เป็นบัญชีที่เก็บเงินที่มาจากรายได้การเขียนหนังสือหรือการเป็นคอลัมนิสต์

และบัญชีเล่มที่ 7 จะเป็นการออมเงินให้ลูกๆ ทั้งสองคน

“อธิกร” ให้เคล็ดลับว่า การจดบันทึกรายรับ รายจ่าย จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้เรารู้จักฐานะการเงินตัวเอง

ถามถึงปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากก็ต่ำ ฝากเงินกับธนาคารจะได้ผลตอบแทนคุ้มค่าหรือ คิดจะลงทุนอย่างอื่นหรือไม่ อธิกร บอกว่า เคยเล่นหุ้น แต่ทำให้เราต้องจ้องหน้าจอคอมพ์ตลอดเวลา แม้ว่าเราจะลงทุนระยะยาว ลงทุนแต่หุ้นปันผลก็ตาม ก็ต้องเสียเวลาติดตามและจ้องหน้าจอตลอดเวลา ทำให้เสียสมาธิการทำงาน เขาเลยตัดสินใจไม่เล่นหุ้น แต่จะลงทุน “ทอง” มากกว่า อาจจะเป็นเพราะได้อานิสงส์มาตั้งแต่ทำงานใหม่ๆ จะได้ทองคำเป็นรางวัลก็สะสมมาตลอด และเห็นว่าราคาทองคำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหลักพันมาเป็นหลักหมื่นบาท

อีกอย่างหนึ่งที่อธิกรให้ความสำคัญมาก คือการซื้อประกันชีวิตทุกรูปแบบ เพื่อคุ้มครองลูกและภรรยาอย่างเต็มที่ และเป็นการออมเงินอีกรูปแบบหนึ่ง

ทุกวันนี้ อธิกร บอกว่า เขาได้เตรียมพร้อมกับวัยเกษียณแล้ว มีพร้อมทุกอย่าง เขาใช้วิธีการคำนวณง่ายๆ โดยใช้สูตรคำนวณตามเว็บไซต์ต่างๆ ว่าจะต้องมีเงินเก็บเท่าไร ที่จะเพียงพอใช้จ่ายในวัยเกษียณ พร้อมทั้งได้สร้างบ้านในบั้นปลายชีวิตที่ จ.เชียงใหม่

“ทุกวันนี้ผมทำทุกอย่างเตรียมไว้เพื่อลูกๆ ทั้งสองคน เพิ่งอายุ 4 ขวบ กับ 6 ขวบ โดยเฉพาะการศึกษาต้องให้ลูกๆ ได้เรียนดีที่สุด และผมเป็นคนโชคดีได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก ทำงานทุกวันอย่างมีความสุข และมีเวลาที่จะใช้ชีวิตกับตัวเองและครอบครัว”

แม้ว่าอาชีพอิสระจะมีความเสี่ยงว่าจะมีงานและมีเงินเข้ามาเสมอหรือไม่นั้น อธิกร บอกว่า สำหรับเขาถือว่าโชคดีมีงานเข้ามาตลอด อาจจะเป็นเพราะลูกค้ามั่นใจและเชื่อถือการทำงาน ซึ่งจุดเริ่มต้นการทำงานฟรีแลนซ์ที่สำคัญคือต้องรักษาคำมั่นสัญญาที่ตกลงกันไว้ ต้องคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ ต้องคิดถึงลูกค้าเป็นสำคัญ มีความรับผิดชอบและมีวินัยการทำงาน จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ วูล์ฟ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68