เที่ยววิถีชุมชนตราด-เกาะกง เชื่อมไทย-กัมพูชา
“ตราด” เป็นอีกจังหวัดที่มีทรัพยากรทางทะเลที่สวยงาม ทั้งยังมีการค้าขายชายแดนกับจังหวัดเกาะกง
โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล
“ตราด” เป็นอีกจังหวัดที่มีทรัพยากรทางทะเลที่สวยงาม ทั้งยังมีการค้าขายชายแดนกับจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยผ่านเส้นทางสายอาร์ 10 จากด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก แต่ในด้านของการท่องเที่ยว เส้นทางดังกล่าวยังไม่เป็นที่นิยมเท่าใดนัก
เหตุนี้ องค์การบริการการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. จึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับเกาะกง เพื่อร่วมมือกันผลักดันส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจร่วมกัน ผ่านการเชื่อมโยงของชุมชน 2 ประเทศบนทางสายอาร์ 10
สุธารักษ์ สุนทรวิภาต รักษาการผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง (อพท. 1) อพท. กล่าวว่า อพท.ได้ร่วมกับภาคีจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวตราด-คลองใหญ่-เกาะกง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแวะพักระหว่างทาง ซึ่งเป็นชุมชนในความดูแลและพัฒนาของ อพท. ได้แก่ ชุมชนแหลมกลัด ชุมชนไม้รูด และชุมชนชายแดนบ้านคลองใหญ่และบ้านหาดเล็ก ซึ่งล้วนมีความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวชุมชน ช่วยลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในหมู่เกาะช้าง
“อพท.กำลังพยายามส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชน ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านแถบนี้ โดยใช้แนวทางการพัฒนาแบบบูรณาการ เพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น และเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางเลือกในการท่องเที่ยวเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน” สุธารักษ์ กล่าว
วิยะดา ซวง รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและที่ปรึกษา จ.ตราด กล่าวว่า เส้นทางดังกล่าวไม่เพียงแต่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวแค่ไทยกับกัมพูชาเท่านั้น ยังสามารถเชื่อมโยงไปยังเวียดนามและจีนได้ โดยเฉพาะเวียดนาม เพราะเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุด จากชายแดนบ้านหาดเล็กเข้าไปยังสีหนุวิลล์ของกัมพูชา มีระยะทางเพียง 196 กิโลเมตร ทำให้เส้นทางนี้ถูกขนานนามว่า “Road of Paradise”
ทั้งนี้ ตราดเป็นจังหวัดเมืองชายฝั่ง ซึ่งจะเป็นตัวรับที่ดีก่อนส่งต่อไปยัง 4 เมืองที่เชื่อมโยงกับกัมพูชา ได้แก่ เกาะกง สีหนุวิลล์ กัมปอตและแกบ รวมไปถึงเมืองเกียนยางของเวียดนาม ซึ่งล้วนเป็นเมืองชายฝั่งทะเลที่มีศักยภาพในการขยายตัว
วิยะดา กล่าวว่า ที่ถนนเส้นนี้ถูกเรียกเช่นนั้น เพราะสุดปลายทางของทั้งสองฝั่งล้วนมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม โดยในฝั่งเกาะกงนั้น ก็มีเกาะเจ้า (อ่าวแพรกกษัตริย์) ที่เป็นแหล่งปะการังที่สวยงาม ทั้งในอดีตยังเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการหลบลมและแวะซื้อสินค้าของเรือสำเภา เพราะถ้าวัดระยะทาง (น้ำ) ดู จะเห็นว่าอยู่กึ่งกลางของเส้นทางการเรือทั้งจากเกาะกงไปไทยและจากเกาะกงไปเวียดนาม
“เวียดนามเองก็อยากผลักดันให้มีการเปิดเส้นทางทางน้ำนี้ขึ้น เพราะจะสามารถส่งสินค้าและการท่องเที่ยวจากเกาะฟู้ก๊วกของเวียดนามเข้ามาท่องเที่ยวทั้งในเกาะกงและพัทยาและชลบุรีของไทยได้” วิยะดา กล่าว
การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนของทั้งสองประเทศ หากเกิดได้จริง แม้ว่าจะอยู่ในฝั่งไหนก็ตาม ก็ย่อมส่งประโยชน์ให้กับชาวบ้านในชุมชนทั้งคู่ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เพราะสุดท้ายแล้ว ปลายทางก็คือ “การเชื่อมโยง” กันนั่นเอง


