สมาร์ทซิตี้ ในฝัน ‘คาชิวา โน ฮา’
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตานับตั้งแต่อินเทอร์เน็ตเริ่มรุกคืบเข้ามาในทุกมิติชีวิตของมนุษยชาติมากขึ้น “เมืองอัจฉริยะ” (Smart City) ได้กลายเป็นกระแสที่กำลังมีการพูดถึงและมุ่งพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงในทั่วโลกนิยามของเมืองอัจฉริยะ หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า สมาร์ทซิตี้ คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้กับเมือง เพื่อให้เกิดชุมชนเมืองที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัย เพื่อให้ทุกชีวิตในเมืองมีคุณภาพในการใช้ชีวิตที่สูงขึ้น เป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัย และมีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่น้อยที่สุดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำการเชื่อมโยงระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองเข้าด้วยกันแบบบูรณาการผ่านระบบไอที เพื่อให้การบริหารจัดการเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไรก็ตาม หลายคนอาจมองว่า การสร้างสมาร์ทซิตี้นั้นเป็นเพียงไอเดียขายฝันที่เป็นจริงได้ยาก ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัทที่ชูจุดขายในเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมการอยู่อาศัย จึงถือโอกาสนำทีมคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมเมืองต้นแบบระบบการจัดการอัจฉริยะ (Smart City) ที่จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ของบริษัท มิตซุย ฟูโดซังฯ
โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา
นับตั้งแต่อินเทอร์เน็ตเริ่มรุกคืบเข้ามาในทุกมิติชีวิตของมนุษยชาติมากขึ้น “เมืองอัจฉริยะ” (Smart City) ได้กลายเป็นกระแสที่กำลังมีการพูดถึงและมุ่งพัฒนาให้เกิดขึ้นจริงในทั่วโลก
นิยามของเมืองอัจฉริยะ หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า สมาร์ทซิตี้ คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้กับเมือง เพื่อให้เกิดชุมชนเมืองที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัย เพื่อให้ทุกชีวิตในเมืองมีคุณภาพในการใช้ชีวิตที่สูงขึ้น เป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัย และมีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่น้อยที่สุดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำการเชื่อมโยงระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองเข้าด้วยกันแบบบูรณาการผ่านระบบไอที เพื่อให้การบริหารจัดการเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจมองว่า การสร้างสมาร์ทซิตี้นั้นเป็นเพียงไอเดียขายฝันที่เป็นจริงได้ยาก ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ บริษัทที่ชูจุดขายในเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมการอยู่อาศัย จึงถือโอกาสนำทีมคณะสื่อมวลชนไปเยี่ยมชมเมืองต้นแบบระบบการจัดการอัจฉริยะ (Smart City) ที่จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ของบริษัท มิตซุย ฟูโดซังฯ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่และผู้นำด้านนวัตกรรมที่อยู่อาศัยของญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรของอนันดาในประเทศไทย เพื่อให้ได้สัมผัสกับต้นแบบสมาร์ทซิตี้ เมืองแห่งอนาคตที่มนุษยชาติต้องการ โดยมุ่งเน้นที่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนครบวงจร
“การเติบโตของเมืองใหญ่ในแต่ละประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ความหนาแน่นของการพักอาศัย และสัดส่วนของการอยู่อาศัยในพื้นที่เมืองที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ในการบริหารจัดการเมืองตามมา โดยปัญหาในหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกจะมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน คือ ปัญหาจราจรที่แออัด ปัญหามลภาวะ ปัญหาความสิ้นเปลืองด้านพลังงาน ปัญหาการจัดการของเสีย และปัญหาอื่นๆ ทางสังคม ที่ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก และสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาการจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบต่างๆ ของเมือง หนึ่งในไอเดียสำคัญที่ได้มีการพูดถึงและได้รับความสนใจมาก คือ การพัฒนาเมืองแบบ Smart City หรือนครอัจฉริยะ” ชานนท์ กล่าว
สอดคล้องกับความคิดเห็นของ โคอิจิ คาโตะ ผู้บริหารฝ่ายวางแผนกลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท มิตซุย ฟูโดซังฯ ได้กล่าวถึงแนวคิดของการสร้างสมาร์ทซิตี้ว่า เกิดขึ้นจากความพยายามที่จะแก้ปัญหาระดับประเทศที่กำลังจะกลายเป็นปัญหาโลก อาทิ ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาทรัพยากรและพลังงาน ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยและอิ่มตัว ตลอดจนกระแสความเป็นเมืองที่ขยายตัวมากขึ้น
“เราพยายามสร้างแบบจำลองที่จะแก้ปัญหาของโลก โดยมีแนวคิดในการพัฒนา 3 อย่าง ได้แก่ การพึ่งพาอาศัยกันทางสิ่งแวดล้อม แนวคิดเพื่อสุขภาพและการมีชีวิตที่ยั่งยืน สุดท้ายคือ แนวคิดในการสร้างสรรค์อุตสาหกรรมใหม่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งสองแนวคิดหลังนี้ถือเป็นการก้าวไปอีกขั้นของเรา เพราะสมาร์ทซิตี้ทั่วไปจะมุ่งตอบโจทย์แต่การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและพลังงานเท่านั้น” คาโตะ กล่าว
สำหรับเมืองต้นแบบด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มาเยือนกันในครั้งนี้มีชื่อว่า “Kashiwa-no-ha” (คาชิวา โน ฮา) ตั้งอยู่ในจังหวัดชิบะ ครอบคลุมพื้นที่ราว 3 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกเริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2548-2557 ระยะเวลา 10 ปี มูลค่าการลงทุน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) ส่วนเฟส 2 เริ่มในปี 2558-2573 ระยะเวลา 15 ปี ตั้งเป้าประชากรในเมืองประมาณ 2.6 หมื่นคน คนงาน 1.5 หมื่นคน และนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน/ปี ทั้งโครงการตั้งเป้าจะแล้วเสร็จในปี 2030
ความน่าสนใจของเมืองต้นแบบแห่งนี้ คือ ไม่ใช่แค่เมืองที่มีเพียงแนวคิด แต่เป็นเมืองที่ถูกออกแบบโดยผ่านการกลั่นกรองอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด เพื่อแก้ปัญหาสังคมอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว พร้อมถ่ายทอดไอเดียปรากฏให้เห็นเป็นสิ่งปลูกสร้างจริงๆ แล้ว หลังจากผ่านการก่อสร้างในเฟส 1 ไปเป็นที่เรียบร้อย ภายในโครงการประกอบด้วย บ้าน คอนโดมิเนียม โรงแรม ร้านค้า สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่มาช่วยยกระดับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ทั้งการพัฒนารูปแบบประหยัดพลังงาน ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไว้ใช้ และก่อตั้งศูนย์คาชิวา โน ฮา (Kashiwa-no-ha Smart Center) พร้อมระบบการบริหารพลังงานไฟฟ้า ด้วยโครงการไฟฟ้าอัจฉริยะแห่งแรกในญี่ปุ่น เพื่อจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังเขตต่างๆ ภายในเมือง ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าลงจากปกติ 26%
“คาชิวา โน ฮา สมาร์ทซิตี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดขาดความร่วมมือของ 3 ภาคส่วน ได้แก่ รัฐบาล สถาบันการศึกษา และองค์กรเอกชน ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนหลักที่ทำให้โครงการนี้กลายเป็นหนึ่งในสมาร์ทซิตี้ไม่กี่โครงการที่เกิดขึ้นได้จริง” คาโตะ กล่าวย้ำ
ย้อนกลับมามองประเทศไทย ความหวังที่จะพัฒนาเมืองธรรมดาให้กลายเป็นสมาร์ทซิตี้นั้น ชานนท์ ยังเชื่อมั่นว่าเป็นจริงได้ หากทุกฝ่ายในสังคมร่วมมือกัน และในฐานะบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เขามั่นใจว่าจะสามารถนำโมเดลสมาร์ทซิตี้ของญี่ปุ่นไปใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ “Ananda UrbanTech” ได้
“ปัญหาสำคัญของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยในเวลานี้ คือ ขาดที่ดินผืนใหญ่ที่จะนำมาพัฒนาเป็นสมาร์ทซิตี้ ดังนั้นคงได้แต่รอความหวังจากรัฐบาลที่จะให้การสนับสนุนในการจัดหาที่ดินในการพัฒนา รวมถึงความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ผมเชื่อว่า ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาเมืองขนาดใหญ่ในรูปแบบสมาร์ทซิตี้ได้ไม่ยาก เพราะผู้ประกอบการมีศักยภาพในการพัฒนาอยู่แล้ว ผมได้แต่หวังว่า แนวคิดนี้จะเป็นจริงในเจเนอเรชั่นของพวกเรา อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เราจะทิ้งไว้ให้กับลูกหลานต่อไป” ชานนท์ กล่าวทิ้งท้าย


