posttoday

ประกันบำนาญ สะสม "ส่วนลด" จากอายุน้อย

26 กุมภาพันธ์ 2560

ยิ่งออมช่วงอายุน้อยราคาเบี้ยประกันยิ่งต่ำ และได้ผลประโยชน์ตอบแทนแน่นอน และเงินต้นไม่หาย

โดย...วารุณี อินวันนา

ชีวิตช่วงวัยทำงาน นับเป็นเวลาที่ใช้จ่ายเงินได้สนุกมือมากๆ พลังทางความคิด ก็ลุกโพลงสุดๆ สุขภาพร่างกายสมบูรณ์ หลายคนถึงกับลืมการวางแผนชีวิต สูญเสียโอกาสการออมจาก “วัย” ที่มีความเสี่ยงต่ำ

การสะสมเงินออมที่ได้ประโยชน์สูงจาก “วัย” ช่วงหนุ่ม สาว คือ การออมผ่านประกันชีวิต ที่เป็นเครื่องมือเดียวที่มีการคำนวณ “ส่วนลดอายุ” ให้ ยิ่งออมช่วงอายุน้อยราคาเบี้ยประกันยิ่งต่ำ และได้ผลประโยชน์ตอบแทนแน่นอน และเงินต้นไม่หาย

ยกตัวอย่าง การสะสมเงินออมผ่านประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่ได้ประโยชน์เต็มที่จาก “อายุน้อย”

กรณี น้องน้ำตาล เริ่มซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งอายุ 25 ปี  ด้วยทุนประกันชีวิต หรือ วงเงินความคุ้มครอง  3 แสนบาท ชำระเบี้ย 10 ปี คุ้มครองชีวิตถึงอายุ 96 ปี จะได้รับเงินบำนาญ 15% ของวงเงินความคุ้มครอง ตั้งแต่อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ไปจนถึง อายุ 96 ปี รวมรับเงินบำนาญ 37 งวด

ประกันบำนาญ สะสม "ส่วนลด" จากอายุน้อย

จุดเด่น ของการประกันชีวิตแบบบำนาญ อยู่ที่ มีการค้ำประกันรายได้ที่แน่นอนจนครบสัญญา และในกรณีที่เกิดพิการสิ้นเชิงถาวร ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตในปีถัดไป เช่น ชำระเบี้ยมาได้ 5 ปี ปีที่ 6 เกิดพิการสิ้นเชิงถาวร ปีที่ 7 ก็ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตอีกต่อไป แต่ยังคงได้รับความคุ้มครองชีวิต และยังได้รับเงินบำนาญตามสัญญาจนครบ 96 ปี

ในขณะที่นักลงทุนอาจจะมองอีกมุมว่า เอาเงินไปลงทุนเองจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญ จึงลองนำเงินก้อนนี้ไปลองทำการลงทุน ด้วยการใส่เงินเข้าไปทุกปี ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี

หลังจากนั้นก็หยุด และให้เงินทำงานต่อไปสมมติฐานได้ผลตอบแทนปีละ 5% เพราะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในเงิน ลงทุนสูง จะได้แน่ใจว่าเงินต้นไม่หาย โดยมีรายได้จากดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อยๆ อีก 25 ปี จนครบอายุ 60 ปี จะเห็นว่าการนำเงินไปลงทุนเอง จะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการได้รับจากประกันแบบบำนาญเมื่อถึงอายุ 60 ปี

อย่างไรก็ตาม การลงทุนเองจะไม่ได้รับความคุ้มครองชีวิต และไม่ได้รับความคุ้มครองกรณีทุพพลภาพ ส่วนสิทธิประโยชน์ทางภาษี อาจจะได้หากนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่ได้สิทธิลดหย่อนภาษี

สมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตเกียวมารีน ประกันชีวิต (ประเทศไทย) ให้ข้อคิดว่า การทำประกันชีวิตแบบบำนาญกับการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ จะมีข้อได้เปรียบที่แตกต่างกัน

การทำประกันชีวิตแบบบำนาญ จะเป็นการวางแผนชีวิตครอบคลุมตั้งแต่วันที่ตัดสินใจทำประกันชีวิต จนถึงช่วงบั้นปลายชีวิต เมื่อชำระเบี้ยครบตามเงื่อนไข ก็สบายใจได้เลยว่าจะมีเงินไว้ใช้แน่นอน  โดยมีสิทธินำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ 2 แสนบาท

ประกันบำนาญ สะสม "ส่วนลด" จากอายุน้อย

นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์จากอายุเริ่มต้นในการทำประกันด้วย ซึ่งคนที่เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย เบี้ยประกันต่อปีจะต่ำ ไม่เป็นภาระมาก เพราะสามารถเลือกผ่อนเป็นรายเดือน หรือรายปีได้ แต่ถ้าผ่อนแบบรายเดือนเบี้ยจะสูงกว่าแบบผ่อนรายปี เพราะบริษัทประกันชีวิตจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นในการทำงาน

ขณะที่การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เมื่อชำระเบี้ยครบตามสัญญา เช่น 5 ปี 10 ปี 20 ปี จะได้รับเงินก้อน หลังจากนั้นต้องมานั่งวางแผนอีกว่าจะนำเงินก้อนนั้นไปลงทุนอะไร เพื่อจะได้มีเงินใช้ไปถึงบั้นปลายชีวิต  และเบี้ยประกันของแบบสะสมทรัพย์ที่ชำระเบี้ย 2-3 ปี และคุ้มครอง 10 ปี เงินที่ออมเข้าไปจะเท่ากันทุกเพศ ทุกวัย จะซื้อช่วงอายุ 20 ปี หรือ 45 ปี ก็ไม่ต่างกัน จะได้สิทธินำเบี้ยไปลดหย่อนภาษี 1 แสนบาท

อย่างไรก็ตาม หากต้องการได้ประโยชน์จากอายุน้อย ควรเริ่มที่แบบบำนาญไว้ก่อน เพราะถ้าอายุน้อยเบี้ยประกันจะต่ำ และได้ส่วนต่างสูง

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68