OTT ความท้าทาย ของอุตสาหกรรมทีวี
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
โดย...เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกมาวิเคราะห์ทิศทางอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล ที่แม้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นและยังมีปัจจัยที่ท้าทาย โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของ OTT
OTT ย่อมาจาก Over-the-Top หรือ บริการสื่อสารและแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต โดยที่ผู้ให้บริการไม่ต้องลงทุนโครงข่ายสัญญาณเอง ถือเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน
“ถ้าหากมองในแง่บวก โอทีทีเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่ผลิตเนื้อหาได้เอง มีช่องทางออนแอร์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ชมสามารถรับชมเนื้อหาที่ไม่จำกัดได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งเป็นทั้งอุปสรรคและความท้าทายของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในประเทศไทย” พ.อ.นที ระบุ
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์พฤติกรรมการรับชมสื่อของผู้บริโภคในปัจจุบัน ประชาชนสามารถเข้าถึงเนื้อหารายการ (คอนเทนต์) ต่างๆ ได้โดยไม่จำกัดแพลตฟอร์ม ขณะที่คอนเทนต์ที่ประชาชนต้องการรับชม คือ วิดีโอ คอนเทนต์ และทีวี คอนเทนต์ ดังนั้น แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น แอพพลิเคชั่นไลน์ เฟซบุ๊ก จึงให้บริการแพร่ภาพและเสียงผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้ประชาชนรับชมได้หลายช่องทางมากขึ้น และ OTT ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้ประกอบการกิจการโทรทัศน์ใช้ในการเผยแพร่คอนเทนต์ของตัวเอง
สำหรับประเภทของ OTT ประกอบด้วย แพลตฟอร์มที่ให้บริการฟรี มีรายได้จากค่าโฆษณา เช่น ไลน์ทีวี ยูทูบ ฟรีทีวีที่ให้บริการ OTT อาทิ ช่อง 3, 7, 8 เวิร์คพอยท์ และพีเอสไอ เป็นต้น แพลตฟอร์มที่เรียกเก็บค่าสมาชิก เช่น เน็ตฟลิกซ์, ฮอลลีวู้ดเอชดีทีวี, ไพรม์ไทม์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ให้บริการ OTT เช่น AIS PLAY และทรูวิชั่นส์ เป็นต้น รวมทั้งมีแพลตฟอร์มที่ให้บริการฟรี และเรียกเก็บเงินสำหรับคอนเทนต์พรีเมียมก็มีด้วยเช่นกัน
พ.อ.นที กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม OTT ยังมีความท้าทาย เช่น การดูคอนเทนต์ผ่านมือถือทำให้ผู้ใช้บริการต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น การรับบริการผ่านโครงข่ายบรอดแบนด์ไม่เสถียร มีผลต่อคุณภาพบริการ ขณะที่การขยายตัวของการให้บริการบรอดแบนด์ผ่านฟิกซ์ไลน์ยังขยายตัวช้า โดยเฉพาะในเมือง
ปัจจุบันราคาของการให้บริการ OTT ที่เรียกเก็บจากสมาชิกมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 99 บาท/เดือน จนถึง 199 บาท/เดือน ซึ่งเป็นราคาที่ลดลงจากปี 2558 เนื่องจากจำนวนคู่แข่งในตลาดมีเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า OTT ส่งผลกระทบพอสมควรต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์บอกรับสมาชิก ด้วยอัตราค่าบริการที่ถูกกว่าและคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายอย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการโทรทัศน์สามารถใช้ช่องทางอินเทอร์เน็ต หรือ OTT เป็นทางเลือกให้แก่ผู้รับชม เพิ่มช่องทางที่สะดวกสบายในการเข้าถึงรายการโทรทัศน์ได้มากขึ้น
“เมื่อผู้ชมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับชมคอนเทนต์ โดยเปลี่ยนมารับชมผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น และ OTT เริ่มกลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการนำเสนอคอนเทนต์ การเชื่อมโยงคอนเทนต์ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์กับแพลตฟอร์มดิจิทัล จึงมีความจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการช่องรายการ” พ.อ.นที กล่าว
ขณะที่ศูนย์อีไอซี ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่า OTT เป็นทั้งวิกฤตและโอกาสสำหรับผู้เล่นรายเดิมและผู้เล่นรายใหม่ในวงการสื่อ โดย OTT เป็นธุรกิจที่เหมาะสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพในการก้าวเข้ามาพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อช่วงชิงเม็ดเงินในวงการสื่อยุคใหม่ให้ได้ก่อนใคร ส่วนผู้ประกอบการทีวีรายเดิมจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ บริษัทโฆษณาก็ควรศึกษารูปแบบการลงโฆษณาตามสื่อออนไลน์ให้สอดคล้องกับ พฤติกรรมของผู้รับชมที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปด้วย
อย่างไรก็ตาม พ.อ.นที ทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันในกลุ่ม OTT กสทช.ยังไม่ได้เข้าไปควบคุมเนื้อหา ซึ่งหาก กสทช.เข้าไปควบคุมรวดเร็วเกินไป อาจส่งผลให้การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้หยุดชะงัก หรือหากเข้าช้าเกินไปจะสร้างความเหลื่อมล้ำให้แก่ผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงต้องพิจารณาเวลาที่เหมาะสมในการเข้าไปดูแล


