posttoday

ระวังเรื่องความสูงของอาคาร

22 กุมภาพันธ์ 2560

เราจะได้ยินข่าวเป็นระยะๆ ในเรื่องที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

โดย...อิสระ บุญยัง

เราจะได้ยินข่าวเป็นระยะๆ ในเรื่องที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีคำสั่งให้เจ้าของอาคารรื้อถอนอาคารบางส่วนหรือบางชั้นออก เนื่องจากความสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งมีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการกำหนดความสูงของอาคารไว้ อาทิ

- พระราชบัญญัติควบคุมอาคารและกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร โดยกฎกระทรวงฉบับที่ 33 ให้คำจำกัดความว่า “อาคารสูง” คือ อาคารที่ปลูกสร้างโดยมีความสูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป ในการวัดความสูงให้วัดจากพื้นดินบริเวณที่ก่อสร้างอาคาร

- ข้อบัญญัติของท้องถิ่นที่อาจกำหนดความสูงว่าบางบริเวณสร้างอาคารสูงได้ไม่เกิน 6 หรือ 12 เมตร หรือ 15 เมตร หรือไม่ถึง 23 เมตร ซึ่งอาจมีเหตุผลในด้านทัศนียภาพ หรือเพื่อควบคุมความหนาแน่นและยังมีกฎหมายเกี่ยวกับผังเมืองในหลายฉบับ

นอกจากนี้ ยังมีประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็มีข้อกำหนดเรื่องความสูงของอาคารไว้เช่นเดียวกัน อาทิ หากมีที่ดินอยู่ห่างจากทะเลไม่ถึง 20 เมตร จะไม่สามารถปลูกสร้างอาคารได้เลย และที่ดินห่างจากทะเลไม่น้อยกว่า 20-50 เมตร ก็จะสร้างอาคารที่มีความสูงได้ไม่เกิน 6 เมตร เป็นต้น

ในประกาศฉบับดังกล่าวยังมีการวัดความสูงแตกต่างจากข้อบัญญัติของท้องถิ่นหรือกฎหมายควบคุมอาคารด้วย โดยข้อบัญญัติของท้องถิ่นหรือกฎหมายควบอาคาร กำหนดว่าการวัดความสูงให้วัดจากพื้นที่ดินบริเวณที่ก่อสร้างอาคารจนถึงพื้นดาดฟ้า กรณีที่เป็นดาดฟ้า สำหรับอาคารทรงจั่วหรือปั้นหยา ให้วัดถึงยอดผนังของชั้นสูงสุด

แต่ประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ให้วัดความสูงจนถึงจุดที่สูงที่สุดของอาคารคือ แม้จะเป็นพื้นดาดฟ้าแต่มีผนังหรือส่วนตกแต่งอาคารสูงขึ้นไปก็ให้คิดที่จุดสูงสุด กรณีเป็นอาคารทรงจั่วหรือปั้นหยาก็ให้วัดถึงยอดหลังคาสูงสุด ไม่ได้วัดเพียงแค่ยอดผนังอาคารตามข้อกำหนดของกฎหมายควบคุมอาคาร

ประเด็นเรื่องความสูงของอาคารนี้ เป็นเพียงกรณีตัวอย่างเล็กๆ ที่ผู้เขียน ขอให้ข้อสังเกตว่า

1.ผู้ประกอบการหรือประชาชนโดยทั่วไป ที่ประสงค์จะก่อสร้างอาคารต้องมีความระมัดระวัง และศึกษาว่ามีกฎหมายใดเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง เพราะข่าวที่ออกมาเป็นระยะเรื่อง การสั่งให้มีการรื้อถอนอาคาร เพราะความสูงไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายก็นำมาซึ่งความสูญเสีย ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม

2.ความไม่สอดคล้องกันหรือขัดแย้งกันของกฎหมายแต่ละฉบับในเรื่องเดียวกัน เป็นเรื่องที่ควรได้รับการสะสาง และน่าจะสอดคล้องกับความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการปฏิรูปกฎหมาย

3.กฎหมายที่เปิดช่องให้องค์กรหรือหน่วยงานใช้ดุลพินิจจะเป็นช่องทางที่ก่อให้เกิดการทุจริตและคอร์รัปชั่นได้โดยง่าย

ผู้เขียนเห็นว่า การปรับแก้ไขสะสางกฎหมายในเรื่องเดียวกันที่ขัดแย้งกัน หรือซ้ำซ้อนกัน หรือปรับแก้กฎหมายเพื่อให้องค์กรหรือหน่วยงานของรัฐลดการใช้ดุลพินิจลง หรือแก้ไขกฎหมายโดยบางเรื่องอาจเปลี่ยนจากการขออนุญาตมาเป็นการแจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบ โดยที่ต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิตามวิชาชีพนั้นๆ เป็นผู้รับรองน่าจะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะลดการทุจริตหรือคอร์รัปชั่นลงได้ ตามความตั้งใจของรัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025