ลุยแก้กฎหมายเพิ่มบทลงโทษ-ค่าปรับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน
คมนาคมสั่งทางหลวงยกร่างกฎหมายเพิ่มบทลงโทษ-ค่าปรับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ขยายฐานความผิดครอบคลุมผู้ว่าจ้าง-เจ้าของสินค้า
คมนาคมสั่งทางหลวงยกร่างกฎหมายเพิ่มบทลงโทษ-ค่าปรับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ขยายฐานความผิดครอบคลุมผู้ว่าจ้าง-เจ้าของสินค้า
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ. รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังจากประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันทั้ง กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กรมทางหลวง (ทล.)และกรมทางหลวงชนบท (ทช.)ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันในการยกร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินตามที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยเสนอมา เช่น ขยายฐานความผิดให้ครอบคลุมไปถึง ผู้ว่าจ้าง เจ้าของสินค้าและบริษัทผลิตไปจนถึงผู้ขับรถบรรทุกเพราะถือว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิด
ทั้งนี้จะมีการเพิ่มบทลงโทษและค่าปรับเป็นแบบอัตราก้าวหน้าตามน้ำหนักที่บรรทุกเกิน เช่น บรรทุกเกิน 500 กิโลกรัมปรับขั้นต่ำและบรรทุกเกิน 10 ตันต้องปรับขั้นสูงสุดหรือ กระทำผิดครั้งที่ 1 ปรับ 20% ของมูลค่ารถความผิด ครั้งที่ 2 ปรับ 50% ของมูลค่ารถที่ทำความผิด และครั้งที่ 3 ทำการยึดพาหนะและใบประกอบกิจการหรือใบอนุญาตขับขี่ รวมถึงการกำหนดอัตราคิดน้ำหนักรูปแบบใหม่โดยแยกระหว่างน้ำหนักตัวรถบรรทุกและน้ำหนักรอบเพลาเพื่อให้การตรวจสอบได้มากขึ้น
นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้เห็นชอบให้ร่วมกันตั้งคณะทำงานร่วมแบบประชารัฐระหว่างภาครัฐและเอกชนร่วมกันวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหาตลอดจนสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการในทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบและโปร่งใส อย่างไรก็ตามหลังจากขั้นตอนการยกร่างกฎหมายแล้วจะส่งกลับมาให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อนำไปรับฟังความเห็นจากส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติและเจข้าสู่ขั้นตอนการร่างกฎหมายโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาตต่อไป (สนช.) แต่เบื้องต้นจะรายงานให้รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมเพื่อทราบถึงรายละเอียดการยกร่างกฎหมาย
นอกจากนี้เตรียมหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อเลือกจังหวัดจัดทำโครงการรถบรรทุกสีขาว โดยใช้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นต้นแบบ เนื่องจากที่ผ่านมาได้ดำเนินการแล้วประสบความสำเร็จเรื่องแก้ปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินกฏหมายกำหนด และลดอุบัติเหตุลงได้เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นจะสรุปรายละเอียดปลายเดือนก.พ.นี้ และรายงานต่อนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และรายงานต่อที่ประชุมครม.
"ได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและยุทธ์ศาสตร์(สนย.)ไปรวบรวมข้อมูลแผนงานโครงการดังกล่าวของจังหวัดฉะเชิงเทรา และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือ เพื่อเลือกจังหวัดที่มีความพร้อมดำเนินการ ตามนโยบายโครงการประชารัฐ"นายพีระพลกล่าว


