อะโคเนติกชูกลยุทธ์OTOปั้นแบรนด์-ยอดขาย
เปิดตัวเข้าสู่ตลาดเครื่องใช้เมืองไทยมานานกว่า 25 ปี สำหรับแบรนด์อะโคเนติก ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย
โดย...วันเพ็ญ พุทธานนท์
เปิดตัวเข้าสู่ตลาดเครื่องใช้เมืองไทยมานานกว่า 25 ปี สำหรับแบรนด์อะโคเนติก ภายใต้การดำเนินงานโดยบริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย จนถึงวันนี้ถือได้ว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของแบรนด์ อะโคเนติก เมื่อประกาศความพร้อมขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์อย่างจริงจัง
ทั้งนี้ เริ่มจากการจัดตั้งบริษัท ดิ โอ ไลฟ์ ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะ เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา โดยมี จันทกร บุญเลิศกุล เข้ามาเป็นผู้รับภารกิจนี้
จันทกร บุญเลิศกุล ผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดออนไลน์ บริษัท ดิ ไอ ไลฟ์ ในเครือบริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา แบรนด์อะโคเนติกเติบโตมา จากกลุ่มสินค้าภาพและเสียง และอยู่ในตลาดมานาน 25 ปี ปัจจุบันมีสินค้ารวม 13 หมวด โดยปีนี้จะเน้นกลุ่มทีวีและเครื่องเสียงเป็นหลัก
ปัจจุบันรายได้รวมของบริษัทมาจากกลุ่มสินค้าภาพและเสียง 80% ที่เหลือ 20% มาจากกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาทิ เครื่องดูดฝุ่น ตู้เย็น คูลเลอร์ เป็นต้น โดยมี แบรนด์สินค้าที่ทำตลาดในปัจจุบัน 4 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์อะโคเนติก บริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย เป็น ผู้ผลิตและจำหน่าย ส่วนอีก 3 แบรนด์ คือ ฮูเวอร์ เมย์แท็ก และเพนโซนิก บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้
การปักธงรุกตลาดออนไลน์เต็มสูบ ภายใต้บริษัท ดิ ไอ ไลฟ์ นั้น ได้วางเป้าหมายระยะแรก หรือแผนงาน 3 ปี (2559-2561) ในการที่จะขยายช่องทาง จำหน่ายให้มากที่สุด เช่น ลาซาด้า วีมอลล์ ท็อปแวลู อุ๊กบีมอลล์ 11 สตรีท เป็นต้น พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายจะมีจำหน่ายในทุกช่องทางออนไลน์ที่เป็นมาร์เก็ตเพลสและเว็บไซต์จำหน่ายสินค้า ควบคู่ไปกับ การขยายช่องทางจำหน่ายไปยังแพลต ฟอร์มโซเชียลออนไลน์ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก
ขณะเดียวกัน แผนงานของส่วนออนไลน์จะสอดคล้องกับแผนงานของบริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย ที่วางแผนไว้ 4 กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์ที่ 1 ขยายช่องทางจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุม โดยเฉพาะการขยายจากช่องทางออฟไลน์สู่ออนไลน์ที่จะไปในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งในส่วนนี้ ดิ ไอ ไลฟ์ จะเป็นผู้ดำเนินการ
กลยุทธ์ที่ 2 การขยายไลน์สินค้าใหม่ๆ เพิ่ม ขึ้นต่อเนื่อง โดยเรือธงในปีนี้ จะเน้นการขยายไลน์สินค้าโทรทัศน์เป็นหลัก อาทิ เทคโนโลยี 4K และสมาร์ททีวีที่กำลังมาแรง กลยุทธ์ที่ 3 จะ สร้างแบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลเว็บไซต์ เพื่อสร้างการรับรู้ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ที่มีหน้าร้านของตัวเองในโมเดิร์นเทรดและดีลเลอร์ทั่วประเทศ
ขณะที่กลยุทธ์ที่ 4 มุ่งเน้นการบริการหลังการขาย โดยลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทุกช่องทางสามารถใช้บริการได้ที่ศูนย์บริการอะโคเนติกที่มีกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการรับประกันสินค้าที่มากกว่าแบรนด์อื่นๆ โดยรับประกันตั้งแต่ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า
"ที่ผ่านมา แบรนด์อะโคเนติกถือว่าเป็นที่รู้จักในวงกว้างอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย ดังนั้นโจทย์ของการทำตลาดออนไลน์ คือ สร้างการรับรู้ว่ามีจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์หลากหลายช่องทางเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า โดยอย่างน้อยเป้าหมายในไตรมาสแรก คือ ทำให้ทุกคนรู้ว่าเรามีขายผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว"
นอกจากนี้ การที่แบรนด์อะโคเนติก อยู่ในตลาดประเทศไทยมาถึง 25 ปี ทำให้เป็นแบรนด์ที่คนไทยมั่นใจได้และ สินค้ามีรับประกันนานสุดถึง 3 ปี มีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ มีหน้าร้านที่เป็นช่องทางออฟไลน์ เมื่อเริ่มรุกตลาดออนไลน์เต็มตัว เชื่อว่าจะช่วยต่อยอดให้อะโคเนติกเพิ่มยอดขายได้ ดีขึ้น และสร้างแบรดน์เข้าถึงกลุ่ม เป้าหมายได้มากขึ้น โดยเฉพาะคน รุ่นใหม่ที่เข้าถึงเทคโนโลยี
เป้าหมายต่อไปของ ดิ โอ ไลฟ์ หลังจากแผนระยะสั้น 3 ปี คือ การ มองลู่ทางขยายตลาดออนไลน์ไปยัง ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี จากปัจจุบันที่ ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย เริ่มขยายตลาดออฟไลน์ไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เช่น กัมพูชาและเมียนมา
แม้ว่าในวันนี้ช่องทางการขายสินค้าผ่านออนไลน์ของบริษัทยังน้อย หรือประมาณ 10% ของยอดขายโดยรวมของไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย แต่จากการวางเป้าหมายรุกตลาดออนไลน์อย่างจริงจังเชื่อว่าจะส่งผลให้เพิ่มยอดขายได้แตะระดับ 100 ล้านบาท ภายใน 3 ปี นับแต่รุกตลาดออนไลน์ และที่สำคัญ คือ เป็นการเติมเต็มการทำตลาด ของไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย ให้ครบทุกช่องทางนั่นเอง
"โจทย์ของการทำ ตลาดออนไลน์ คือ สร้างการรับรู้ว่า มีจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์หลากหลายช่องทางเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า โดยอย่างน้อยเป้าหมายในไตรมาสแรกคือ ทำให้ทุกคนรู้ว่าเรามีขายผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว"


