posttoday

รัฐเดินหน้า "เศรษฐกิจชีวภาพ" ลงทุน 10 ปี 4 แสนล้าน

23 มกราคม 2560

"สมคิด" เป็นประธานลงนามหน่วยงานรัฐ-เอกชน-สถาบันศึกษา เดินหน้าขับเคลื่อนการลงทุนด้านเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศไทย

"สมคิด" เป็นประธานลงนามหน่วยงานรัฐ-เอกชน-สถาบันศึกษา เดินหน้าขับเคลื่อนการลงทุนด้านเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2560  ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการลงนามความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาและวิจัย รวม 23 หน่วยงาน  จัดโดยคณะทำงานด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต(New S-Curve) เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนการลงทุนด้านเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศไทย 

นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหรรม ในฐานะหัวหน้าภาครัฐ คณะทำงานด้านการพัฒนากคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต  กล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ(Bioeconomy) จะเริ่มต้นในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนการลงทุนขนาดใหญ่ ที่เชื่อมโยงการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ระบบขนส่ง การพัฒนาพื้นที่ในเชิงบูรณาการ

ทั้งนี้เศรษฐกิจชีวภาพถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายในEEC ที่มีฐานเดิมอยู่คืออุตสาหกรรมปิดตรเคมี ยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ แฃะยังรวมถึงอุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร หุ่นยนต์และอากาศยาน  ซึ่งการเริ่มต้นนี้จะเริ่มทันทีในจ.ระยอง แต่จากโร้ดแมปที่วางไว้จะมีการขยายไปยังภาคอีสานด้วย

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า โครงการเศรษฐกิจชีวภาพ ประกอบด้วยภาคเกษตรกรรมและ 5 อุตสากรรม ได้แก่ พลังงานชีวภาพ ชีวเคมีภัณฑ์ อาหารแห่งอนาคต อาหารสัตว์แห่งอนาคตและชีวเภสัชภัณฑ์  โดยโครงการประชารัฐจะเป็นการต่อยอดจากการใช้พลังงานทดแทนที่มีการใช้อยู่ปัจจุบัน ซึ่งเริ่มต้นจากพืชเกาตรเป้าหมายที่ทางคณะกรรมการประชารัฐD5 เห็นว่ามีความเหมาะสมในการนำไปพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าได้แก่ ได้แก่มันสำปะหลังและอ้อย  ซึ่งภายใต้โครงการนี้กระทรวงเห็นว่าพืชทั้ง2 ชนิดยังสามารถนำมาต่อยอดได้อีก เช่นการนำเอทานอลไปผสมกับน้ำมันดีเซลหรือเรียกว่าดีโซฮอล ที่เป็นการผสมน้ำมมันไบโอดีเซล B7 90% กับเอทานอลในอัตรา10% การพัฒนาก๊าซมีเทนชีวภาพอัด(CBG)

นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า หลักการของเศรษฐกิจชีวภาพมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความยั่งยืนเศรษฐกิจชีวภาพจึงเป็นรูปแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs เป็นทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งอนาคตของทั่วโลกนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบชีวภาพที่มีอยู่มากในประเศไทย

ทั้งนี้ กระทรวงฯ พร้อมให้การสนับสนุนในทุกด้าน ทั้งในส่วนการร่วมวิจัยพัฒนาและการให้เข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น อุทยาวิทยาศาสตร์ มีเมืองอุตสาหกรรมอาหาร ศูนย์นวัตกรรมอาหารและอาหารสัตว์ ที่เป็นวันสต็อปเซอร์วิส ส่งเสริมให้เอสเอ็มอีใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน  ศูนย์วัสดุแห่งประเทศไทยที่ให้บริการจุลินทรีย์ที่ได้มาตรฐานสากล มีจุลินทรีย์ที่พร้อมให้บริการมากกว่า 70,000 สายพันธุ์ และกระทรวงยังได้พัฒนาระบบการให้บริการเทคนิคด้านวิทยาศาสตณืและเทคโนโลยีแบบเบ็ดเสร็จที่เชื่อมโยงและบูรณาการเครื่องมือและปัจจัยเอื้อต่างๆ ที่มีอยู่ภายใน

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC หัวหน้าทีมภาคเอกชน คณะทำงานด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต กล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) ว่า แผนการดำเนินงานเพื่อพัฒนา Bioeconomy ในระยะเวลา 10 ปี มีกรอบการลงทุนคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 แสนล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ปี 2560-2561 เงินลงทุนประมาณ 51,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดการพัฒนาพลังงานชีวภาพ เคมีชีวภาพ อาหาร และชีวเภสัชภัณฑ์ ผลักดันการสร้างอุปสงค์และตลาด

ระยะที่ 2 ปี 2562-2564 เงินลงทุนประมาณ 182,000 ล้านบาท เพื่อสร้าง Biorefinery Complexes ที่ครบวงจร และเมืองใหม่บนเศรษฐกิจชีวภาพและนวัตกรรมอย่างครบวงจร Biopolis และระยะที่ 3 ปี 2565-2569 เม็ดเงินลงทุนประมาณ 132,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับสู่ Regional Hub เป็นต้นแบบอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและนำไทยก้าวขึ้นเป็น Bio Hub ของโลก

รัฐเดินหน้า "เศรษฐกิจชีวภาพ" ลงทุน 10 ปี 4 แสนล้าน

 

ข่าวล่าสุด

ป.ป.ส. ผนึก DEA สหรัฐฯ เตรียมจัดประชุม Regional IDEC 2026 ที่เชียงราย