ครม.ไฟเขียวต่อสัมปทานปตท.สผ.10ปี
ครม.อนุมัติ ปตท.สผ.อินเตอร์ ต่ออายุ 10 ปี สัมปทานแหล่งกำแพงแสน-อู่ทอง-สังฆจาย
ครม.อนุมัติ ปตท.สผ.อินเตอร์ ต่ออายุ 10 ปี สัมปทานแหล่งกำแพงแสน-อู่ทอง-สังฆจาย
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้บริษัท ปตท.สผ.อินเตอร์เนชั่นแนล (ปตท.สผ.อ.) ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับสัมปทานปิโตรเลียมแปลงบนบกหมายเลขพีทีทีอีพี 1 บริเวณบนบกภาคกลาง (จ.สุพรรณบุรี และนครปฐม) พื้นที่ผลิตปิโตรเลียมรวม 9.04 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) ซึ่งจะหมดระยะเวลาสัมปทานในวันที่ 4 ก.พ. 2560 ออกไปอีก 10 ปี
ทั้งนี้ พิจารณาบนหลักการของผลประโยชน์ต่อประเทศที่จะได้รับเป็นการสร้างเสริมและรักษาความมั่นคงในการจัดหาพลังงานเชื้อเพลิงธรรมชาติ และเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐ อาทิ ในรูปของค่าภาคหลวงและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมประมาณ 1.40-3.53 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 8.08-15.52 ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม โครงการพีทีทีอีพี 1 เป็นธุรกิจประเภทการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมมีขนาดพื้นที่ 10 ตร.กม. ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และนครปฐม มี ปตท.สผ.อ.ลงทุน 100% โดยมีชื่อแหล่งปิโตรเลียมว่า “แหล่งกำแพงแสน-อู่ทอง-สังฆจาย” เริ่มการผลิตเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2536 โดยพบชนิดของปิโตรเลียม คือ น้ำมันดิบ ซึ่งแหล่งดังกล่าวอยู่ติดกับแปลง L53/43 และแปลง L54/43
อย่างไรก็ตาม ผลการพิจารณาของกระทรวงพลังงาน ประกอบความเห็นของคณะกรรมการปิโตรเลียม ได้พิจารณาถึงคำขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมแปลงอย่างรอบคอบและรัดกุมภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมและข้อกำหนดของสัมปทานฯ โดยผู้รับสัมปทานได้ตกลงในเรื่องข้อกำหนด ข้อผูกพันและเงื่อนไขทั่วไป คือ ข้อกำหนดและเงื่อนไขผลประโยชน์ที่ต้องส่งเป็นรายได้รัฐ ได้แก่ ค่าภาคหลวงในอัตราแบบขั้นบันได 5-15% ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมในอัตรา 50% ของกำไรจากการประกอบกิจการและผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ


