อินเตอร์โปรไฟล์ 'หลักคิด'ธุรกิจโต
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล
พรชัย รัตนตรัยภพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โปรไฟล์ ผู้ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติกแปรรูป บรรจุภัณฑ์ ที่หันมาจับธุรกิจของตัวเองครั้งแรกตั้งแต่วัย 27 ปี ถึงปัจจุบันกิจการผ่านร้อนหนาวมานับไม่ถ้วน แต่ด้วยวิธีคิดทางธุรกิจที่เป็นระบบและมีวิสัยทัศน์ที่สามารถนำองค์กรผ่านพ้นวิกฤตและเติบโตมาได้กว่า 2 ทศวรรษ
พรชัย เล่าว่า จุดเริ่มต้นบริษัทเริ่มขึ้นเมื่อปี 2537 ในช่วงนั้นยังเป็นพนักงานในองค์กรอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่ และมีความก้าวหน้าทางอาชีพการงานสูง แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อมีลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่นนำเครื่องจักรมาเสนอขายพร้อมให้สิทธิในการผ่อนชำระ ซึ่งเห็นว่าเป็นโอกาสที่น่าจะลองดู หากจะลองก้าวเข้ามาเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเอง แม้ว่าธุรกิจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่เป็นไร ด้วยเชื่อว่าจะยังมีหนทางอื่นๆ ให้ไปต่อได้
จากจุดนี้ พรชัย จึงตัดสินใจลงขันทำธุรกิจกับหุ้นส่วนอีกหนึ่งราย พร้อมใช้ห้องแถว 1 คูหา ย่านมีนบุรี เป็นโรงงานผลิตสินค้าเม็ดพลาสติกแปรรูปเป็นแห่งแรก พร้อมเริ่มไลน์ผลิตสินค้า 3 กลุ่ม คือ ฉีดพลาสติก เครื่องรีดพลาสติก และเครื่องเป่าขวดพลาสติก โดยใช้ระยะเวลาเพียงไม่ถึง 3 ปี ก็ชำระค่าผ่อนเครื่องจักรมูลค่าหลักหลายแสนบาทได้หมด พร้อมขยับขยายโรงงานแห่งใหม่ไปยังย่านท่าพระบนพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อรับกำลังผลิตจากคำสั่งซื้อสินค้า (ออร์เดอร์) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
“ไม่ใช่ว่าเราไม่มีคู่แข่งในธุรกิจนี้ แต่หลักคิดธุรกิจที่วางไว้แต่แรกเริ่ม คือ การหาลูกค้าตลาดเฉพาะ เป็นนิช มาร์เก็ต โดยอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ในอุตฯ นี้ที่มีมา ทำให้รู้ว่ายังมีช่องว่างในตลาดอยู่ เช่น ออร์เดอร์ที่ไม่เยอะมาก มีความยุ่งยาก หรือจุกจิกของชิ้นงานที่รายอื่นไม่ถนัดแต่บริษัทสามารถทำได้” พรชัย เสริม
แม้กิจการจะเติบโตดีในระดับน่าพอใจ ทว่าในปี 2540 บริษัทก็เผชิญปัญหาทางธุรกิจจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งจากนโยบายลอยตัวค่าเงินบาทของรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในสมัยนั้น ด้วยช่วงดังกล่าวบริษัทได้นำเข้าเครื่องจักรมาจากประเทศเยอรมนี พร้อมใช้เงินลงทุนจากต่างประเทศซึ่งได้ในอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทไทยราวๆ 27 บาท/ดอยช์มาร์ก และจากค่าเงินบาทผันผวนทำให้ต้นทุนที่กู้ยืมจากต่างประเทศสูงถึง 40 บาท/ดอยช์มาร์ก ประกอบกับทางเจ้าหนี้ก็มาทวง ยอมรับว่าไม่มีเงินชำระจากอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงมาก แต่ก็เลือกวิธีเจรจากับเจ้าหนี้ สุดท้ายมีสถาบันการเงินรายหนึ่งอนุมัติให้ในจังหวะที่ช้า ส่งผลดีทำให้ค่าเงินบาทปรับค่าลงมาอยู่ที่ราวๆ 30 บาทปลาย/ดอยช์มาร์ก ที่ช่วยประคับประคองกิจการให้สามารถชำระหนี้กว่า 10 ล้านบาทให้หมดได้ในเวลาต่อมา
เมื่อภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมเริ่มฟื้นตัว กิจการมีออร์เดอร์เข้ามาต่อเนื่อง บริษัทจึงตัดสินใจขยายโรงงานใหม่อีกครั้งในย่านนวนครมีพื้นที่เพิ่มขึ้นราว 5-6 ไร่ ถึงปัจจุบันมีกำลังการผลิตสินค้าไม่ต่ำกว่า 4,000 ตัน/ปี มีไลน์การผลิตสินค้า 5 กลุ่มหลัก คือ บรรจุภัณฑ์ รังลูกฟูก ฝาครอบหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ท่อหลอด และชิ้นส่วนของใช้ไฟฟ้า รถยนต์
พร้อมกล่าวเสริมถึงแนวคิดในการทำงานว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร กิจการจะสามารถไปต่อได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับวิธีคิดทางธุรกิจที่เจ้าของธุรกิจจะต้องมองให้ออกว่าทิศทางต่อไปจะเป็นเช่นไร รวมถึงการเป็นต้นแบบและทำให้พนักงานดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งบริษัทมีการปรับตัวพร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาสินค้าสม่ำเสมอ และที่สำคัญคือย้ำตำแหน่งการเป็นผู้ผลิตไม่ใช่กิจการเพื่อเก็งกำไรมาตั้งแต่ต้น
โดยในปี 2560 บริษัทมุ่งให้ความสำคัญในไลน์สินค้ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับวัสดุสินค้าสาธารณูปโภคก่อสร้าง ครอบหลอดไฟแอลอีดี เป็นต้น ด้วยมีความสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่มุ่งให้ความสำคัญด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศจำนวนมาก ในปีหน้าบริษัทคาดมีอัตราเติบโต 15% ปัจจุบันตลาดรวมอุตสาหกรรมพลาสติกขึ้นรูปคาดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหลักหมื่นล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 8%


