ช่วยสตาร์ทอัพ
โดย...สุรชัย กำพลานนท์วัฒน์
โดย...สุรชัย กำพลานนท์วัฒน์
มีโอกาสไปเชียงใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มผู้ประกอบการน้องใหม่ไฟแรง ที่เรียกว่า Startup มีความตื่นตัวคึกคักมากทีเดียว ถนนนิมมานเหมินทร์ย่านคนรุ่นใหม่มีธุรกิจร้านค้าเถ้าแก่น้อยเปิดแน่นเต็มพื้นที่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แต่ละแห่งดูโดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์ทันสมัยใช้งบหลายล้าน ยอมรับว่ากล้าทำ กล้าลงทุนจริงๆ
มีหลายแห่งทำเป็น Co-Working Space พื้นที่ให้เช่านั่งทำงานเป็นออฟฟิศรวมสำหรับเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ นั่งทำงานไป จิบกาแฟไป มีอุปกรณ์เครื่องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยให้บริการครบเครื่อง แค่เดินตัวเปล่าเอาโน้ตบุ๊กหรือไอแพดตัวเดียวก็นั่งทำธุรกิจได้สบายๆ เสียค่าใช้จ่ายแค่วันละไม่กี่ร้อยบาท เร็วๆ นี้จะมีเปิดอีกหนึ่งแห่ง ชื่อว่า The Brick เป็นของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถานที่โอ่อ่าน่ารักน่าใช้ คิดค่าใช้จ่ายแค่วันละ 200 บาท พร้อมบริการเสริมหลากหลาย คาดว่าจะกลายเป็นแหล่งรวมพลคน Startup แห่งใหม่ในย่านนี้
ผมมีโอกาสพูดคุยกลุ่ม Startup ที่ทำธุรกิจด้านซอฟต์แวร์และออนไลน์ โมเดลธุรกิจต่างจากเอสเอ็มอีรุ่นเก่าสิ้นเชิง โครงสร้างการลงทุนไม่รุงรัง ไม่ต้องมีเอกสาร ไม่ต้องลงทุนซื้อสถานประกอบการ ยานพาหนะ ไม่ต้องมีสต๊อกสินค้า ไม่ต้องหาลูกจ้าง จับมือหุ้นกัน 2-3 คนลงขัน ใช้ไปกับการทำสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่มีมูลค่าสูง ใช้ปัญญาประดิษฐ์คิดค้นบนเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเมื่อไม่มีออฟฟิศไม่มีลูกจ้างก็ไม่มีบรรดาค่าใช้จ่ายจิปาถะให้ปวดหัว เสียค่าเช่าใช้ออฟฟิศรายวันรวมๆ เดือนละไม่กี่พันบาทเท่านั้นเอง ธุรกิจฟิตเปรียะไม่มีไขมันไม่มีช่องว่างให้เกิดการสูญเสีย
ธุรกิจเกิดง่ายตายยาก ย่อมดีกว่าเกิดยากแต่ตายง่าย เกิดที่เชียงใหม่แต่สามารถเจาะตลาดหาลูกค้ากว้างไกลได้ทั่วประเทศและทั่วโลก อยู่ตรงไหนก็ทำได้ อยู่ตรงไหนก็เป็นลูกค้าได้ แผนธุรกิจจึงกลับหัวกลับหางกับธุรกิจเดิมๆ กิจการไม่มีทรัพย์สินโชว์ในงบดุล หน้าตางบจึงดูเหมือนไม่มั่นคง กิจการไม่มีต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่าย ทำให้ดูมีแต่รายได้และกำไรสูงแบบเว่อร์ เงินส่วนใหญ่หมดไปกับการพัฒนาและการตลาดที่ไม่อาจบันทึกให้ชัดเจนครบทุกรายการ ซึ่งลักษณะแบบนี้นี่เองที่สถาบันการเงินทั้งหลายไม่ค่อยสบายใจ มองว่าธุรกิจมีความเสี่ยง ไม่มีอะไรจับต้องได้ ไม่เป็นไปตามแนวทางวิเคราะห์สินเชื่อตามเกณฑ์เดิมๆ ที่ใช้กันมาร้อยปี สุดท้ายการอัดฉีดเงินทุนเพื่อผลักดันให้เกิดเอสเอ็มอีกลุ่ม Startup เยอะๆ ก็ไม่เป็นผล...นี่ล่ะปัญหาโลกแตก
จะไปโทษคนปล่อยกู้ก็ไม่ได้ จะไปบังคับให้เขาปล่อยไวๆ ก็ไม่เหมาะ หากจะทำเรื่องนี้ให้สัมฤทธิผลจำเป็นต้องปรับกฎออกเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อให้ตรงกับลักษณะธุรกิจกลุ่มนี้ สถาบันการเงินกับแบงก์ชาติและกระทรวงการคลังต้องถกกันให้กระจ่าง รูปแบบแนวทางการควบคุมกำกับและการตรวจสอบใช้สูตรเดิมไม่ได้ต้องเป็นลักษณะเฉพาะกลุ่มหากจะมุ่งช่วยเอสเอ็มอี 4.0 ต้องเปิดมุมมองทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเดินไปในทิศทาง 4.0 เหมือนกันให้ได้เสียก่อนครับ


