posttoday

บริการ ‘บาร์เทอร์คาร์ด’ เพิ่มช่องทางบริการเงินสด

25 สิงหาคม 2559

โดย...พรสวรรค์ นันทะ

โดย...พรสวรรค์ นันทะ

ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี ธุรกิจที่น่าจะโตได้ดีน่าจะเกี่ยวเนื่องกับบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพราะขยายตัวได้ตามความนิยมของคนและนโยบายภาครัฐก็ส่งเสริมเพื่อลดการใช้เงินสด รวมไปถึงธุรกิจการเพิ่มสภาพคล่องเงินสดหมุนเวียนให้กับธุรกิจ เพราะถ้ายอดขายสินค้าโตน้อยการกู้เงินจากสถาบันการเงินคงไม่ใช่เรื่องง่าย

สถานการณ์ข้างต้นจึงส่งผลต่อธุรกิจการให้บริการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแทนการใช้เงินสดระหว่างกันของธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) ซึ่งมาปิดช่องว่างบริการของสถาบันการเงินทั่วไปที่ยังเข้าไม่ถึง กระทั่งโตสวนทางกับเศรษฐกิจ เพราะบริการเช่นนี้กลายมาเป็นพันธมิตรให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขยายตัวได้ดีขึ้น

เรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบ B2B กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในครึ่งปีหลังนี้ ทำให้ผู้ประกอบการในหลายกลุ่มธุรกิจระมัดระวังการใช้จ่ายกระแสเงินสด เพื่อการลงทุนและขยายงานต่างๆ ส่งผลให้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจมองหาเครื่องมือการค้าหรือการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เลือกเก็บเงินสดไว้ใช้หมุนเวียน

ภาพเช่นนี้ ส่งผลให้บริการของบาร์เทอร์คาร์ดตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจได้มากขึ้น เนื่องจากบริษัทให้บริการการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างสมาชิก โดยรายที่ต้องการสินค้าก็จะได้สินค้าในราคาโรงงานที่มีคุณภาพจากผู้ผลิตโดยตรง

ส่วนผู้ผลิตก็สามารถระบายสินค้าได้จำนวนที่มากขึ้น เนื่องจากเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ ซึ่งซื้อขายกันผ่านบริการเทรดบาท บริษัทจะให้วงเงินเครดิตตามศักยภาพของธุรกิจแต่ละรายเพื่อไปแลกเปลี่ยนสินค้ากันทำให้ธุรกิจไม่ต้องใช้เงินสด สามารถนำเงินสดไปบริการจัดการหรือใช้หมุนเวียนประคองธุรกิจได้ 

และอีกด้านบริษัทก็จะเข้าไปช่วยลดต้นทุนในการทำการตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายยังฐานลูกค้าใหม่ที่เป็นธุรกิจ เมื่อได้เครดิตผ่านบาทเทรดก็ไม่ต้องเอาเงินสดมาหักชำระหนี้ แต่สามารถเอายอดสินค้าที่บริษัทช่วยขายมาหักชำระหนี้แทน ซึ่งบริการที่ช่วยลดต้นทุนในการจัดการและเพิ่มยอดขาย บริษัทคิดว่าธรรมเนียมจากสมาชิกในอัตรา 6.5% ของวงเงินที่ลดลงหรือยอดขายที่เพิ่มขึ้น

บริการเช่นนี้ทำให้สมาชิกระบายสินค้าระหว่างกันได้ดีขึ้น และสามารถมีเงินสดไปหมุนทำอย่างอื่น ส่วนวงเงินที่บริษัทให้ ก็จะเป็นไปตามขนาดและศักยภาพของธุรกิจแต่ละรายตั้งแต่ 5 หมื่น-2 แสนบาท และมากถึงหลักล้านบาท ซึ่งสมาชิกจะได้บัตรที่มีวงเงินในการซื้อสินค้าระหว่างกัน แต่การใช้คืนไม่ต้องใช้เงินสดมาชำระคืน

ปัจจุบันบริษัทมีสมาชิกที่เป็นบริษัทต่างๆ ในไทยอยู่ 3,000 ราย จากสาขาที่มีอยู่ 6 สาขาทั่วประเทศ โดยภาย
ในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนลูกค้าเป็น 3,550 ราย

สมาชิกส่วนใหญ่ 52% เป็นกลุ่มโรงงานผู้ผลิตสินค้าโดยตรง เช่น โรงงานผลิตเสื้อยืด น้ำยาทำความสะอาด กล้องวงจรปิด 

่ส่วนที่เหลืออีก 48% เป็นกลุ่มภาคบริการ เช่น บริการกำจัดปลวก โรงแรม ร้านอาหาร  ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศมีบริการและสำนักงานอยู่ใน 9 ประเทศ ซึ่งมีจำนวนธุรกิจที่เป็นสมาชิกประมาณ 3.5 หมื่นราย ทำให้บริษัทสามารถบริการแลกสินค้าและบริการทั้งในประเทศและต่างประเทศได้หลากหลายขึ้น แต่การแลกเปลี่ยนสินค้าในต่างประเทศยังนิยมในกลุ่มที่เอสเอ็มอีส่งลูกหลานไปเรียนต่อในต่างประเทศ ไปท่องเที่ยว และไปโปรโมทเพื่อทำตลาดในต่างประเทศเพิ่มเป็นหลัก

“ในยามที่เศรษฐกิจชะลอ นอกจากเราจะจัดงานสร้างเน็ตเวิร์กระหว่างลูกค้าสมาชิก เพื่อให้แลกเปลี่ยนตรงตามความต้องการและราคาที่ไม่ผ่านคนกลางแล้ว ยังช่วยจัดงานโอเพนแวร์เฮาส์ (Open Warehouse) เพื่อช่วยสมาชิกซึ่งเป็นผู้ผลิตสามารถระบายสต๊อกสินค้าได้เร็ว ส่วนสมาชิกที่มาเป็นผู้ซื้อก็สามารถซื้อสินค้าและบริการที่ต้องใช้อยู่แล้วได้โดยตรงไม่ผ่านคนกลาง เช่น ผู้ผลิตแผ่นกระเบื้อง อ่างล้างหน้า กับเจ้าของโรงแรม ที่เปลี่ยนสินค้ากันได้ เราจึงช่วยเพิ่มยอดขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งไม่ใช่การไปลดต้นทุนการผลิต แต่ลดต้นทุนในการทำตลาดการหาลูกค้าที่เป็นธุรกิจด้วยกันมาซื้อ ดังนั้น เราจึงคิดค่าบริการทั้งในส่วนต้นทุนที่ลดได้และยอดขายที่เพิ่มขึ้น ในอัตรา 6.5% ของวงเงินที่เราช่วยประหยัดต้นทุนหรือเพิ่มยอดขาย“ เรวดี กล่าว

สำหรับกระแสอี-เพย์เมนต์ในปัจจุบันที่ได้เข้ามามีบทบาทในเรื่องของธุรกิจ ยิ่งส่งผลดีต่อบาร์เทอร์คาร์ด เนื่องจากบาร์เทอร์คาร์ดถือเป็นช่องทางการชำระเงินช่องทางหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถชำระค่าสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจต้องการได้ด้วยมูลค่าสินค้าหรือบริการของตนเอง

อี-เพย์เมนต์ จึงถือเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจที่ช่วยให้การทำธุรกรรมต่างๆ เป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยบาร์เทอร์คาร์ดเองได้มีการพัฒนาระบบอี-เพย์เมนต์ ตั้งแต่การทำธุรกรรมผ่านโมบายแอพ ซึ่งเปิดให้บริการมาได้ 2 ปีแล้ว หรือเว็บไซต์ โดยยังคงพัฒนาระบบให้ใช้งานได้ง่าย ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของธุรกิจสมาชิก

เรวดี กล่าวว่า แนวโน้มบริการแลกเปลี่ยนสินค้าขยายตัวได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มธุรกิจในปัจจุบัน ที่ธุรกิจใหญ่ต้องการลดต้นทุนด้านการโฆษณาและต้องการระบายสินค้าให้ไวขึ้น โดยธุรกิจสมาชิกที่โตได้ดีอยู่ในกลุ่มโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพราะในภาวะนี้ที่ธุรกิจอื่นไม่ทำโฆษณาสมาชิกที่ทำจึงได้อิมแพ็คสูง และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ฯ ซึ่งปีนี้มีลูกค้าใช้บริการแลกเปลี่ยนเพื่อซื้อบ้านแล้วประมาณ 6 ยูนิต ถือว่าโตได้ดีและยังมีแนวโน้มโตได้ดีขึ้นในปีหน้า

เพราะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเลือกซื้อบ้านโดยไม่ต้องใช้เงินสด แต่เอาสินค้าที่ตัวเองผลิตไปแลกบ้าน ช่วยให้ระบายสินค้าได้ แถมได้บ้านมาเป็นกรรมสิทธิ์ และเมื่อได้กรรมสิทธิ์ในบ้านหรือคอนโดมาแล้ว ยังสามารถเอาบ้านไปปล่อยให้เช่ามีรายได้เพิ่ม หรือเอาบ้านไปจำนองกับธนาคารเพื่อเอาเงินสดจากธนาคารมาหมุนได้หากต้องการเงินสดเรียกว่าได้ประโยชน์ 3 ชั้นเลย ด้านผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ระบายสินค้าออกนำเงินสดไปหมุนเวียนพัฒนาโครงการอื่นๆ ได้อีก เรียกว่าลูกค้าสมาชิกได้ประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย

สำหรับค่าสมาชิกบาร์เทอร์คาร์ด มี 3 รูปแบบ คือ 1.จ่ายครั้งเดียวตลอดชีพ อัตรา 1.8 หมื่นบาท 2.5 หมื่นบาท และ 5 หมื่นบาท 2.ค่าธรรมเนียมตามธุรกรรม ของวงเงินต้นทุนที่ประหยัดได้หรือยอดขายที่เพิ่มขึ้น ในอัตรา 6.5% และ 3.แบบค่าธรรมเนียม 500 บาท/เดือน ซึ่งก็จะได้บริการตามเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป แต่หลักๆ ผู้ประกอบการทำธุรกิจไปตามปกติ

ข่าวล่าสุด

Sponge City Tourism เมื่อเมืองเลิกสู้กับน้ำ แล้วหันมา “อยู่ร่วมกับมัน”