เงินประกันและเงินมัดจำฯลฯ
โดย...สมชาย ชูเกตุ
โดย...สมชาย ชูเกตุ
การขายสินค้าหรือการให้บริการต่างๆ หากเป็นคู่ค้าที่ค้าขายกันมานาน ความเชื่อใจหรือความมั่นใจในการทำธุรกิจก็จะมีมาก ความเสี่ยงในการสั่งซื้อสินค้า การใช้บริการและการเรียกเก็บเงินก็มีน้อย แต่ถ้าหากเป็นผู้ซื้อสินค้าหรือผู้ใช้บริการที่มีปัญหาทางการเงิน หรือเป็นลูกค้ารายใหม่ที่ไม่รู้จักดีพอ ความเสี่ยงในการซื้อขายสินค้าหรือให้บริการนั้นก็สูงไปด้วย ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการจึงเรียกเก็บเงินบางส่วนไว้ก่อน เงินที่เรียกเก็บนี้เรียกว่า เงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำหรือเงินจอง วงเงินมากน้อยเท่าใดอยู่ที่ได้ตกลงกัน และเงินที่เรียกเก็บนี้ต้องนำมาเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่มีบางกรณีที่ผู้รับเงินได้ไม่ต้องนำเงินที่เรียกเก็บเหล่านี้ไปเสียภาษีเงินได้ หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
เงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำหรือเงินจอง มีภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มมาเกี่ยวข้อง สรุปได้ ดังนี้
l ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีที่ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจองที่ได้เรียกเก็บจากลูกค้า ต้องนำไปเป็นมูลค่าฐานภาษีเพื่อใช้คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บจากลูกค้า และถ้าหากต้องคืนเงินที่เรียกเก็บนั้นให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการจดทะเบียนฯ ต้องออกใบลดหนี้ให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้ใช้บริการ
l ภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหากได้ให้เช่าทรัพย์สินหรือให้บริการและได้มีการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำหรือเงินจอง โดยเงินที่เรียกเก็บเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าหรือค่าบริการ ให้นำเงินที่เรียกเก็บไปเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ และถ้าหากมีการจ่ายคืนเงินที่เรียกเก็บให้แก่ผู้เช่าหรือผู้ใช้บริการในภายหลัง ให้ผู้ประกอบการนำเงินที่จ่ายคืนไปหักเป็นรายจ่ายทางภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่จ่ายเงินคืนให้แก่ผู้เช่าหรือผู้รับบริการ
l ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้จ่ายเงินล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจองในการเช่าทรัพย์สินหรือใช้บริการ กรณีจ่ายค่าเช่าทรัพย์สิน บริษัทต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 5 และหากได้จ่ายเงินค่าบริการอื่นๆ ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3 ของเงินที่จ่าย
กรณี เงินประกัน เงินมัดจำ ที่ผู้จ่ายเงินได้ไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และผู้รับเงินได้ไม่ต้องนำไปเสียภาษีเงินได้ มี 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1 เงินประกันหรือเงินมัดจำที่เป็นค่าภาชนะบรรจุสินค้า หากได้ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีเรียกเก็บและได้คืนเงินโดยไม่มีเงื่อนไข
กรณีที่ 2 เงินประกันหรือเงินมัดจำที่เรียกเก็บจากการเช่าทรัพย์สิน หากได้ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีเรียกเก็บ ได้คืนเงินนั้นโดยไม่มีเงื่อนไข การเรียกเก็บเงินนั้นไม่เกิน 3 เท่าของค่าเช่ารายเดือนและระยะเวลาสัญญาเช่าทรัพย์สินไม่เกิน 3 ปี
เงินล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจอง เป็นประเด็นที่ปฏิบัติผิดพลาดกันมาก สามารถศึกษาได้จากคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.73/2541 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการเรียกเก็บเงินจ่ายล่วงหน้า เงินประกัน เงินมัดจำ หรือเงินจอง (กรณี ขายสินค้าตามสัญญาให้เช่าซื้อหรือสัญญาซื้อขายผ่อนชำระ ให้ปฏิบัติตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.36/2536)
สวัสดีครับ


