ข้อควรจำลงทุนกองทุนหุ้นต่างประเทศ
การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ (Foreign Investment Funds) เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ เนื่องจากการลงทุนประเภทนี้ เสมือนการลงทุนในบริษัทที่มีอนาคตในประเทศที่เศรษฐกิจเกิดใหม่หรือประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว
การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ (Foreign Investment Funds) เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ เนื่องจากการลงทุนประเภทนี้ เสมือนการลงทุนในบริษัทที่มีอนาคตในประเทศที่เศรษฐกิจเกิดใหม่หรือประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว
เช่น สหรัฐอเมริกา หรือประเทศในโซนยุโรป การลงทุนดังกล่าวนี้ทำให้เรามีโอกาสในการลงทุนในบริษัทดีๆ ในต่างประเทศผ่านกองทุนรวม ซึ่งในช่วงที่เป็นเศรษฐกิจขาขึ้นของแต่ละประเทศทำให้นักลงทุนที่อยู่ในอีกประเทศสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากถึง 30% หรือมากกว่า แต่ในช่วงเศรษฐกิจขาลงการลงทุนดังกล่าวก็อาจติดลบได้มากกว่า 30% เช่นเดียวกัน ดังนั้นนักลงทุนควรเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนแบ่งเงินเพื่อการลงทุนดังกล่าว ข้อควรจำก่อนการลงทุนประเภทนี้พอจะสรุปจากประสบการณ์ตรงได้ดังนี้ 1.นักลงทุนควรมีสภาพคล่องทางการเงินที่พอเพียงโดยไม่ต้องขายกองทุนรวมดังกล่าวเป็นระยะเวลามากกว่า3 ปี เนื่องจากเราไม่สามารถคาดการณ์ตลาดได้ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศที่เราลงทุน แต่ด้วยระยะเวลาที่มากพอทำให้เราสามารถหาจังหวะในการขายทำกำไรได้ดีกว่าระยะเวลาที่สั้น แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นนักลงทุนควรตั้งเป้าหมายในใจว่าการลงทุนดังกล่าวนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่เท่าไร และเมื่อถึงเป้าหมายต้องมีวินัยกับเป้าหมายตัวเองในการขายทำกำไรออกมา แต่ถ้ายังไม่ถึงเป้าหมายผลตอบแทนการลงทุนควรดูต้นทุนเฉลี่ยของการลงทุนกองทุนนี้และดูสถิติในอดีตว่ามีจุดต่ำสุดเท่าไร สูงสุดเท่าไร และทำการเฉลี่ยต้นทุนที่เหมาะสมในช่วงระยะเวลาต่างๆ
2.ราคาที่ตั้งใจจะขายอาจจะไม่ได้อย่างที่คาดการณ์หากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในอีกประเทศที่เราลงทุนตัวอย่างชัดเจนคือ เหตุการณ์ 911 ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวราคาบริษัทที่เราลงทุนในสหรัฐอเมริกาดิ่ง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเหนือความคาดหมาย เช่นเดียวกัน หากเราขายวันนี้ แต่ตลาดทุนหรือตลาดหุ้นในประเทศที่เราลงทุนยังไม่ปิดตลาดหากมีเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายทำให้ราคาที่เราคิดว่าเราน่าจะขายทำกำไรได้ กลับทำให้เราต้องติดลบและขาดทุนในที่สุด ดังนั้น เราทำได้แต่เพียงขายในช่วงที่ตลาดขาขึ้นเพราะโอกาสทำให้ผลตอบแทนเป็นบวกมีความเป็นไปได้สูงมากกว่าการที่ราคาหุ้นในกองทุนรวมที่เราลงทุนจะเป็นลบ
3.อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญเพราะในการขายทำกำไรหรือซื้อเพื่อถัวต้นทุนการลงทุน อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเป็นเรื่องสำคัญ หากเราไม่ต้องการให้มีผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศที่มีการคุ้มครองอัตราแลกเปลี่ยน หรือที่พูดในภาษาการเงินคือมีการ Hedge อัตราแลกเปลี่ยนไว้ แต่บางกรณีหากนักลงทุนมีความรู้เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและเห็นว่าค่าของสกุลเงินที่นักลงทุนได้ลงทุนไว้กับกองทุนรวมดังกล่าวจะมีการอ่อนตัวทำให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากสกุลเงินการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือการ Hedge อาจจะไม่มีประโยชน์ ดังนั้นนักลงทุนควรลงทุนในกองทุนที่ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงเพื่อรับผลประโยชน์จากค่าเงินนอกเหนือจากราคาหุ้นที่กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศได้ลงทุนไว้
4.ค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุนดังกล่าวค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งมีค่าธรรมเนียมสำคัญคือ ค่าธรรมเนียมในการให้ตัวแทนขายเป็นรายครั้ง (Selling Agent Fee) ซึ่งประกอบด้วย Frontend Fee ซึ่งค่าธรรมเนียมดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ 0.25-3% ต่อทุกๆ ยอดซื้อของนักลงทุน และมีค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุนที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมดำเนินการจัดเก็บเป็นรายปีและแฝงอยู่ในราคาต่อหน่วยของกองทุนดังกล่าว ซึ่งค่าธรรมเนียมที่คิดกันในประเทศไทยถือว่าไม่แพงในหลายประเทศที่บางประเทศคิดอัตรามากกว่าเราถึง 7% ค่าธรรมเนียมอีกหนึ่งตัวคือ ค่าธรรมเนียมในการสับเปลี่ยนหรือ Switching Fee ซึ่งค่าธรรมเนียมทั้งหมดนี้เมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการเมื่อการลงทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทนถึง 30% นักลงทุนจึงยอมที่จะจ่าย
เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดฟังแล้วดูเหมือนเป็นการลงทุนที่ไม่น่าลงทุน แต่เมื่อนักลงทุนดังกล่าวแบ่งเงินอย่างถูกต้องเพื่อให้ได้โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูง การลงทุนแบบเดิมๆ ดังกล่าวจึงคุ้มค่าสมกับคำที่มีคำกล่าวว่า High Risk High Return


