1 เดือนรู้ผล ธนาคารกรุงเทพ ให้กู้จัสมิน
โดย...ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงษ์
โดย...ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงษ์
ในที่สุด ธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ผู้บริหารของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ผู้เป็นบริษัทแม่ของบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ ผู้ชนะการประมูลใบอนุญาต 4จี คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ ก็ยอมเปิดเผยการเจรจาเงินกู้ระหว่างจัสมินกับธนาคารกรุงเทพ
เดชา ตุลานันท์ รองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า ธนาคารกรุงเทพยินดีที่จะให้เงินกู้กับโครงการนี้ เพียงแต่ขอให้แจส โมบายฯ ส่งแผนธุรกิจฉบับใหม่มาให้ เนื่องจากก่อนประมูลได้ประเมินวงเงินกู้ไว้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แต่ราคาประมูลจริงทะลุไปกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท
ดังนั้น แจส โมบายฯ จำเป็นต้องมีแผนธุรกิจฉบับใหม่ที่สะท้อนถึงรายได้ในอนาคตที่ชัดเจน ความสามารถในการทำกำไร และโอกาสทางธุรกิจ
อย่างไรก็ดี การตอบรับของธนาคารกรุงเทพ ก็ยังเป็นการตอบรับตามหลักการ จะปล่อยกู้ได้หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวของแจส โมบายฯ เอง ที่จะต้องจัดทำแผนการเงินส่งมาให้ และอาจจะต้องรับเงื่อนไขเพิ่มเติมจากเจ้าหนี้ หากต้องการเงินกู้และเงินค้ำประกัน (แบงก์การันตี) ไปจ่ายให้กับ กสทช.
แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า ทางจัสมินต้องมีแผนธุรกิจใหม่ที่ชัดเจนขึ้น อาจจะมีพันธมิตรด้านโมบายก็ได้เพื่อเสริมส่วนที่ไม่ถนัด จากที่ผ่านมาทำธุรกิจบรอดแบนด์มาตลอด หรือเพิ่มทุนก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการเตรียมตัวด้านทุน เชื่อว่าถ้าจัสมินยังมั่นใจที่จะเดินหน้าธุรกิจนี้และทำแผนใหม่ออกมา แบงก์กรุงเทพสามารถเร่งกระบวนการให้ทันการชำระใบอนุญาตงวดแรก 21 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ ตามหลักการของการพิจารณาสินเชื่อ คือ ต้องดูความสามารถของการจ่ายคืนเงินกู้ ต้องดูโครงการหากทำสำเร็จแล้วจะได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับการลงทุนหรือไม่ โครงการนี้ดีอย่างไร ผู้กู้มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจแค่ไหน สภาพการแข่งขันของธุรกิจ พฤติกรรมของผู้กู้เป็นอย่างไร ความสามารถในการลงทุนมีเงินทุนเพียงพอที่จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จ เพราะการกู้มากไปก็ส่งผลกับความสามารถในการจ่ายคืนและกำไร
อย่างไรก็ดี การปรับสัดส่วนการเงินใหม่เพื่อให้เจ้าหนี้พึงพอใจ แจส โมบายฯ อาจจะต้องใช้แนวทางเดียวกับที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น ทำ คือเพิ่มทุนขึ้นมา เพื่อดึงสัดส่วนหนี้สินต่อทุนให้ต่ำลง ลดความเสี่ยงในการปล่อยกู้ของเจ้าหนี้
มินทรา รัตยาภาส นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า เมื่อพิจารณาจากงบแสดงฐานะการเงินของจัสมิน ณ สิ้นปี 2558 ถือว่าดี โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ดี/อี เรโช) อยู่ระดับต่ำเพียง 0.15 เท่า มีความสามารถกู้ได้ แต่หลักประกันสินทรัพย์ของกลุ่มจัสมินอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากมีการขายสินทรัพย์ของ ทรีบรอดแบนด์ บริษัทลูกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต 3BB เข้ากองแล้ว ทำให้สินทรัพย์หลักประกันเหลืออยู่ราว 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่สูงพอกับความต้องการใช้เงิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นกับว่าสถาบันการเงินจะอนุมัติวงเงินได้ตามที่ต้องการหรือไม่
อย่างไรก็ดี ตามหลักการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร จะต้องเรียกหลักประกันอย่างน้อย 80% ของวงเงิน ซึ่งจากการวิเคราะห์เบื้องต้นว่า จัสมินมีความต้องการเงินทุนราว 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็น ค่าใบอนุญาต 7.5 หมื่นล้านบาท และงบลงทุนโครงข่ายอีก 2.5 หมื่นล้านบาท จึงมีความเป็นไปได้ว่า ธนาคารผู้พิจารณาปล่อยสินเชื่อ หรือออกแบงก์การันตี น่าจะต้องขอเรียกหลักประกันเพิ่ม
“จากกระแสเงินสดที่ดีในปัจจุบัน ฉะนั้นจัสมินมีเงินเพื่อชำระค่าใบอนุญาตงวดแรกกว่า 8,000 ล้านบาทแน่นอน แต่ปัญหา คือ แบงก์การันตีกว่า 6 หมื่นล้านบาท ที่ต้องวางให้ กสทช. ที่ถือเป็นวงเงินที่สูง ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นที่ธนาคารกำลังกังวล เพราะในอนาคตแบงก์การันตีจะถูกแปลงสภาพเป็นเงินกู้ที่จะดันสัดส่วนหนี้พุ่งขึ้น ทางออกของจัสมินและทรูไม่ต่างกัน คือต้องเพิ่มทุน เพื่อให้มีช่องว่างในการกู้มากขึ้น” มินทรา กล่าว
เมื่อกำหนดเส้นตายของ กสทช.มีอยู่ จะเป็นแรงกดดันให้จัสมินอาจต้องเพิ่มทุนเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมมองว่าจะเพิ่มทุนในปีที่ 3 อาจจะเป็นในปีนี้ ตามสมมติฐานจัสมิน มีความต้องการกู้ราว 7 หมื่นล้านบาท จะทำให้หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนหักค่าเสื่อม (IBD/EBITDA) อยู่ที่ถึง 8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดอยู่ที่ไม่เกิน 3 เท่า ฉะนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเพิ่มทุน และมีการจัดโครงสร้างเงินทุนใหม่
อย่างไรก็ดี แนวทางจัดโครงสร้างทางการเงินของจัสมินนอกจากจะเพิ่มทุนแล้ว ยังต้องติดตามด้วยว่าจะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนหรือไม่ และจะใส่เงินเท่าไหร่ ซึ่งน่าจะเป็นอีกทางออกหนึ่งของจัสมินที่จะปรับตัวให้เข้ากับเงื่อนไขการสนับสนุนทางการเงินของธนาคาร
นักวิเคราะห์จากโนมูระ กล่าวด้วยว่า เมื่อพิจารณาจากภาพรวมของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมแล้ว ธุรกิจนี้ไม่ได้เป็นตลาดที่ผลตอบแทนสูง (Hi Growth) แม้จะมีผู้เล่นน้อยราย แต่การแข่งขันในธุริจค่อนข้างสูง จึงเป็นข้อจำกัดของการเติบโตสำหรับผู้เล่นรายใหม่ที่ไม่มีฐานลูกค้าหรือฐานลูกค้าน้อย ซึ่งภาพรวมอุตสาหกรรมนั้น เป็นความเสี่ยงสำคัญอันดับต้นที่ธนาคารนำมาพิจารณาความเป็นไปได้ของธุรกิจลูกค้า
นอกจากนี้ ความเป็นไปได้ของแผนการสร้างฐานลูกค้าของจัสมิน ที่ประเมินอัตราค่าบริการเฉลี่ย 500 บาท/เดือนนั้น เมื่อเทียบกับตลาดแล้วถือว่าราคาสูง ฉะนั้นความเป็นไปได้ของการสร้างรายได้จึงยาก ฉะนั้นหากประเมินแนวโน้มการสร้างรายได้ที่ไม่มาก ขณะที่มีต้นทุนจ่ายคงที่ อาจจะกระทบผลการดำเนินงานของกลุ่มได้
นับจากวันนี้ไปเหลือเวลาอีก 1 เดือน ที่จัสมินจะจัดสัดส่วนการเงินใหม่เพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ หาเงินมาลงทุนในโครงการที่เป็นอนาคตของธุรกิจ


