เงินกู้รายใหญ่คึก
แบงก์เด้งรับกำลังผลิตจ่อ80% ลงขันปล่อยโรงไฟฟ้า5พันล้าน
โพสต์ทูเดย์
— ธนาคารประสานเสียงลงทุนระยะยาวฟื้น หลังกำลังการผลิตทะลุ 70% เล็งปล่อยกลุ่มสื่อสาร พลังงาน และเกษตรนายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า การลงทุนระยะยาวขณะนี้มีสัญญาณดีขึ้น โดยอัตรากำลังการผลิตของผู้ประกอบการไตรมาส 2 เพิ่มจาก 60% มาอยู่ที่ 70% และมีโอกาสพุ่งไปถึง 80% ซึ่งจะต้องเริ่มขยายการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกยังไปได้ดีทุกกลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มเกษตร แม้ลูกค้าเหล่านี้จะใช้เงินทุนหมุนเวียนเป็นหลักแต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณเงินกู้ระยะยาวจากกำลังการผลิตที่ขยับขึ้น
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การลงทุนครึ่งปีหลังมีสัญญาณที่ดี โดยจะเริ่มเห็นการลงทุนสินเชื่อโครงการ (โปรเจกต์ไฟแนนซ์) เพิ่มขึ้น ทั้งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มเกษตร เป็นรูปแบบการปล่อยกู้ร่วมระหว่างธนาคาร
สำหรับที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยเพิ่งปล่อยกู้ให้บริษัทสื่อสารแห่งหนึ่ง 1.2 หมื่นล้านบาท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ และโรงแรมในภาคใต้กว่า 1,000 ล้านบาท น่าจะทำให้ฐานสินเชื่อคงค้างลูกค้ารายใหญ่อยู่ที่ 2.93 แสนล้านบาท สิ้นปีนี้
นายนพเดช กรรณสูต ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าสหบรรษัท ฝ่ายสหบรรษัทธนกิจ สายงานบรรษัทธุรกิจ ธนาคารกสิกร ไทย กล่าวว่า ธนาคารได้ปล่อยกู้ร่วมโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 73 เมกะวัตต์ ของบริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ หรือเอ็นอีดี ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ จ.ลพบุรี มูลค่า 8,000 ล้านบาท กู้เงินจากสถาบันการเงิน 70% หรือเป็นเม็ดเงิน 5,125 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้จากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) 1,742 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ แห่งละ 1,127 ล้านบาท
นายนพเดช กล่าวว่า ธนาคารเน้นปล่อยกู้อุตสาหกรรมพลังงานเนื่องจากมีความถนัด โดยตั้งแต่ต้นปีปล่อยกู้กลุ่มพลังงานไปแล้ว 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของฐานสินเชื่อรวม และจากนี้ถึง ปลายปีมีแผนปล่อยกู้กลุ่มพลังงานอีก 1,0001,500 ล้านบาท เช่น โครงการพลังงานลมของราชบุรีโฮลดิ้ง ที่ลงทุนใน จ.เพชรบูรณ์ จากมูลค่าตลาดรวมกลุ่มพลังงานที่มีอยู่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากทำได้ตามแผนจะทำให้สัดส่วนสินเชื่อกลุ่มพลังงานของธนาคารเพิ่มเป็น 10% ของฐานสินเชื่อรวม
อย่างไรก็ดีปัจจุบันธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดปล่อยกู้กลุ่มพลังงาน 10% แต่มีเป้าหมายระยะยาวเพิ่มเป็น 30%
โครงการแบ่งเป็น 3 เฟส มูลค่าการลงทุนเฟสละ 6,0009,000 ล้านบาท โดยธนาคารได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เหลือเพียงจัดหาแหล่งเงินกู้ ซึ่งจะเป็นการปล่อยกู้ร่วม
NED เปิดตัว
“ลพบุรี โซล่าร์” ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในโลกเตรียมขยายการลงทุนเพิ่มเป็น 84 เมกะวัตต์ ฉลองปีมหามงคลเอ็นอีดี ประกาศเปิดตัว
“ลพบุรี โซล่าร์” ต้นแบบโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยกำลังการผลิตขนาด 73 เมกะวัตต์ ผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ทั้ง ADB, KBank, SCB, BBL และชาร์ป คอร์ปอเรชั่น เตรียมก่อสร้างเดือนสิงหาคมนี้ และเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ปลายปี 2554 พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนเพิ่มอีก 11 เมกะวัตต์ รวมเป็น 84 เมกะวัตต์ เพื่อร่วมฉลองปีมหามงคลของประเทศไทยและคนไทยในปีหน้านายวินิจ แตงน้อย ประธานกรรมการ บริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ หรือเอ็นอีดี กล่าวว่า โครงการ
“ลพบุรี โซลาร์” ตั้งอยู่ที่ ต.วังเพลิง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี มูลค่า 8,000 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทพร้อมเริ่มก่อสร้างโครงการแล้ว โดยมีกำหนดเริ่มงานในเดือน ส.ค.นี้ และเตรียมเดินหน้าโครงการขยายการลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 1,200 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิต 11 เมกะวัตต์ ในพื้นที่เดียวกับโครงการเฟสแรก จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 84 เมกะวัตต์ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปีมหามงคลแห่งการบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2554ทั้งนี้ โครงการขยายการลงทุนของบริษัทฯ ได้รับหนังสือสนับสนุนการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากองค์การบริหารส่วนตำบลวังเพลิง และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาแหลม รวมทั้งได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ภายใต้โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) เรียบร้อยแล้ว และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แล้วด้วย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีหน้า
นายวินิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า เอ็นอีดีได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อแผงโซล่าร์ แบบทินฟิล์ม จำนวนกว่า 540,000 แผง กับชาร์ป คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงโซล่าร์ระดับโลก และลงนามในสัญญาก่อสร้างกับ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท อิตัลไทยเอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2554
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนในการพัฒนาและตั้งศูนย์นวัตถกรรมพลังงานทดแทนขึ้นในพื้นที่โครงการ โดยเน้นพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นจุดท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี ร่วมกับเขื่อนป่าศักดิ์ชลสิทธิ์และทุ่งดอกทานตะวัน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดในปัจจุบันด้วย โดยบริษัทฯ เล็งเห็นว่าการดำเนินงานในส่วนนี้จะช่วยให้ชุมชนและพื้นที่รอบข้างมีรายได้เพิ่มเติมจากการเยี่ยมชมของนักท่องเที่ยวและผู้มาศึกษาดูงานโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
สานฝันโครงการพลังงานทดแทนของประเทศไทย
นายวรมน ขำขนิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ จำกัด (Natural Energy Development Co., Ltd. NED) กล่าวเสริมว่า โครงการ
“ลพบุรี โซล่าร์” เป็นโครงการแรกที่ขานรับแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี (2551 – 2565) ของประเทศไทย ซึ่งในระยะแรกของแผนนี้ (2551 – 2554) มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เกิดการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 55 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการ “ลพบุรี โซล่าร์" เป็นโครงการที่สนับสนุนให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุได้”นอกจากนี้ โครงการ
“ลพบุรี โซล่าร์” ยังมีส่วนร่วมในการช่วยประเทศไทยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้มากกกว่า 1.3 ล้านตันตลอดอายุการดำเนินโครงการ 25 ปี และช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงได้มากถึงปีละ 35,000 ตัน ซึ่งสอดคล้องกับการที่ประเทศไทยได้ให้คำมั่นสัญญากับประชาคมโลกที่เมืองโคเปนเฮเกนในเรื่องของการร่วมกันดูแลการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศโลกสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศหนุนโครงการเต็มที่โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 73 เมกะวัตต์ของเอ็นอีดี ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและจากต่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ซึ่งให้เงินกู้แก่โครงการ มูลค่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณกว่า 2 พันล้านบาท รวมถึงธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งต่างให้เงินกู้แก่โครงการรวมกันมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท โดยมีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


