แหล่งเงินทุนรายย่อยผู้ดีบูม
เอสเอ็มอีอังกฤษเข้าถึงสินเชื่อ-การระดมทุนอื่นๆ กูรูแนะรัฐหนุนสตาร์ทอัพเพิ่ม
เอสเอ็มอีอังกฤษเข้าถึงสินเชื่อ-การระดมทุนอื่นๆ กูรูแนะรัฐหนุนสตาร์ทอัพเพิ่ม
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ เปิดเผยว่า การให้สินเชื่อแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทั้งสินเชื่อธนาคารและการเงินทางเลือกอื่นในอังกฤษ ขยายตัวขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เผชิญวิกฤตทางการเงินในช่วงปี 2007-2008
นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อธุรกิจอังกฤษ ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐ ระบุว่า ธุรกิจมีวิธีการจัดการทางการเงินใหม่ๆ มากขึ้น ทั้งการบริหารเงินทุนร่วมมือกับบริษัทเอกชนอื่นๆ หรือสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารไปจนถึงการใช้สินทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์เพื่อระดมทุน
ทั้งนี้ ในรายงานตลาดการเงินของธุรกิจรายย่อย พบว่า กองทุนสินทรัพย์ราว 71% กระจายไปสู่ธุรกิจในกรุงลอนดอน ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ถือเป็นเพียง 34% ของธุรกิจทั้งหมดในอังกฤษราว 5.4 ล้านแห่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ธนาคารต่างๆ จะให้สินเชื่ออย่างสม่ำเสมอมากขึ้น ซึ่งทำให้สินเชื่อธนาคารเพิ่มขึ้น 1,600 ล้านปอนด์ (ราว 8.22 หมื่นล้านบาท) ในไตรมาส 4 ของปี 2015 แต่ธนาคารส่วนใหญ่จะให้สินเชื่อกับธุรกิจขนาดกลาง ขณะที่ธุรกิจที่มีลูกจ้างน้อยกว่า 50 คน ยังคงประสบความยากลำบากในการกู้ยืม รวมทั้งธุรกิจเกิดใหม่ (สตาร์ทอัพ) ที่ก่อตั้งมาแล้วน้อยกว่า 5 ปี มีโอกาสถึง 50% ที่จะถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อ
สำหรับธุรกิจขนาดกลางที่มีมูลค่าอยู่ที่ 25-500 ล้านปอนด์ (ราว 1,284 ล้านบาท-2.56 หมื่นล้านบาท) สามารถขอสินเชื่อโดยตรงจากสถาบันการเงินอื่นๆ นอกเหนือจากธนาคาร เช่น กองทุนบำนาญ และนักลงทุนรายใหญ่
นอกจากนี้ ในรายงานยังระบุว่า การกู้ยืมของธุรกิจ 80% ยังคงเป็นการกู้ยืมจากธนาคารอยู่ โดยในจำนวนนี้เป็นการให้กู้ยืมจากธนาคารรายใหญ่ 4 รายถึง 78%
ด้านการขอสินเชื่อในรูปแบบใช้สินทรัพย์ค้ำประกัน เช่น การเช่าซื้อ เพิ่มขึ้นเกือบ 10% อยู่ที่ 1.63 หมื่นล้านปอนด์ เมื่อปลายเดือน พ.ย. 2015
ขณะเดียวกัน การลงทุนในหุ้นทุนของธุรกิจรายย่อยเพิ่มขึ้น 43% เมื่อช่วงเดือน ต.ค. 2015 อยู่ที่ 2,400 ล้านปอนด์ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาล ขณะที่ภาคการเงินทางเลือก เช่น การระดมทุนกันเองโดยภาคเอกชนที่ไม่ผ่านธนาคาร เพิ่มขึ้นถึง 75% อยู่ที่ 1,260 ล้านปอนด์ ในปี 2015
เคียท มอร์แกน ประธานผู้บริหารของธนาคารเพื่อธุรกิจอังกฤษ กล่าวว่า แม้ว่าปริมาณการให้สินเชื่อจะเพิ่มขึ้นและทางเลือกทางการเงินใหม่ๆ ขยายตัว แต่ยังมีหลายส่วนที่ภาครัฐควรเข้าไปสนใจ เนื่องจากธุรกิจรายย่อยยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก โดยในปัจจุบันมีสตาร์ทอัพเพียง 3% เท่านั้นที่ขยายตัวไปเป็นธุรกิจขนาดกลาง น้อยกว่าในสหรัฐที่ธุรกิจสตาร์ทอัพขยายตัวไปเป็นธุรกิจขนาดกลางที่ 6%


