Startup คืออะไร
ผมเพิ่งให้สัมภาษณ์นิตยสารเกี่ยวกับ SMEs เล่มหนึ่งไปเมื่อสองสามสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่ให้สัมภาษณ์ ผมนึกถึง Startup ในมุมของธุรกิจที่เพิ่งก่อตั้ง หรือดำเนินการมาสักพัก แต่ยังอยู่ในระยะตั้งไข่ พูดง่ายๆ คือ ยังดูไม่ออกว่าธุรกิจจะไปรอดหรือไม่ หรือไปได้ไกลสักแค่ไหน
ผมเพิ่งให้สัมภาษณ์นิตยสารเกี่ยวกับ SMEs เล่มหนึ่งไปเมื่อสองสามสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่ให้สัมภาษณ์ ผมนึกถึง Startup ในมุมของธุรกิจที่เพิ่งก่อตั้ง หรือดำเนินการมาสักพัก แต่ยังอยู่ในระยะตั้งไข่ พูดง่ายๆ คือ ยังดูไม่ออกว่าธุรกิจจะไปรอดหรือไม่ หรือไปได้ไกลสักแค่ไหน
แต่หลังจากให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ผมยังติดใจในความหมายของคำนี้ และมีความรู้สึกว่าคำนี้อาจไม่ได้มีความหมายที่เป็นสากลและเข้าใจตรงกันทุกคน ผมจึงทำการค้นคว้าหาความหมายของคำๆ นี้
Startup เป็นคำที่เริ่มฮิตติดปากคนสมัยใหม่ มีที่มาจาก Silicon Valley เพราะในช่วงที่กระแสธุรกิจดอทคอมกำลังบูมนั้น มีธุรกิจเกิดใหม่เยอะมาก คนจึงเข้าใจว่า Startup ต้องเป็นธุรกิจไฮเทคเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นความจริง
กูรูที่คร่ำหวอดในวงการไฮเทค และ Venture Capital ในสหรัฐ อย่างเช่น Steve Blank และ Paul Graham ได้ให้คำนิยามของ Startup ดังนี้
Steve Blank “องค์กรที่พยายามค้นหาโมเดลธุรกิจที่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน และสามารถที่จะขยายผลได้ในวงกว้าง”
Paul Graham “Startup คือบริษัทที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่คำนึงถึงอุตสาหกรรม แหล่งที่มาของเงินทุน หรือแผนในการรับรู้ผลตอบแทนการลงทุนโดยการขายหุ้น สิ่งที่สำคัญคือ การเติบโตอย่างรวดเร็ว”
คำจำกัดความของ 2 กูรูข้างต้น มีลักษณะร่วมกันดังนี้
ธุรกิจมีการออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่ เป็นสิ่งที่ไม่ได้มีมาก่อนแล้ว ไม่ได้เป็นการทำตามสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมอะไรก็ตาม
โมเดลธุรกิจนั้นต้องสามารถสร้างความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน และสามารถขยายผลได้ในวงกว้าง ไม่ใช่แค่สำเร็จชั่วข้ามคืน และอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น
ธุรกิจต้องสามารถสร้างอัตราการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป Startup มีความตั้งใจที่จะขยายผลให้เร็วที่สุด
จากคำจำกัดความข้างต้น กูรูทั้งสองให้ความเห็นว่า ธุรกิจร้านอาหารในเมืองเล็กๆ ร้านค้าปลีกที่ขายของทั่วไป แม้ว่าสินค้าจะมีความโดดเด่นเฉพาะตัวแค่ไหน แต่หากไม่ได้มีการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจแล้ว ไม่ถือว่าเป็น Startup เขาเรียกว่าเป็น Small Business
สำหรับผมคำจำกัดความมีไว้ให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน แต่ไม่ว่าคุณจะถูกตีตราว่าเป็น Startup หรือ Small Business ความท้าทายก็ไม่ได้ต่างกัน หากคิดจะริเริ่มธุรกิจและอยู่รอด คุณต้องพยายามหาที่ยืนที่มั่นคง และยืนได้ตลอดไป
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น Startup หรือ Small Business คุณก็ต้องหาโมเดลธุรกิจที่ไม่เคยมีใครทำ หรือมีความแตกต่างที่ชัดเจน และโมเดลธุรกิจนั้นต้องมีตลาดใหญ่พอที่จะสามารถเติบโตไปได้เรื่อยๆ แต่จะเติบโตได้ขนาดไหน ขึ้นอยู่กับตลาด และความพร้อมของตลาดในเวลานั้น
ผมให้ความสำคัญกับโมเดลธุรกิจ และการจัดการกระบวนการมากที่สุด เพราะหากสองสิ่งนี้ถูกแล้ว อัตราการเติบโตจะตามมาเอง อัตราการเติบโตจึงเป็นผลของโมเดลธุรกิจที่ดี ตลาดตอบรับ และการจัดการกระบวนการที่สามารถตอบสนองกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
คิดจะล้มยักษ์ ต้องทำเหตุให้ดีที่สุด...แล้วผลจะตามมาเอง และเวลานั้นคุณคงไม่แคร์ว่าจะถูกตีตราว่าเป็น Startup หรือไม่


