ดีไฮจีนิครุกตลาดทำความสะอาดเครื่องนอน-พรม-โซฟา
ดีไฮจีนิค ทุ่ม 30 ล้านบาท โหนกระแสรักสุขภาพ เจาะตลาดทำความสะอาดที่นอน พรม โซฟา ครั้งแรกในเมืองไทย ตั้งเป้ารายได้ 40 -50 ล้านบาท ปีหน้ารุกต่างจังหวัด มั่นใจโต 100%
ดีไฮจีนิค ทุ่ม 30 ล้านบาท โหนกระแสรักสุขภาพ เจาะตลาดทำความสะอาดที่นอน พรม โซฟา ครั้งแรกในเมืองไทย ตั้งเป้ารายได้ 40 -50 ล้านบาท ปีหน้ารุกต่างจังหวัด มั่นใจโต 100%
นายพิสิษฐ์ องศ์ศรีตระกูล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดีไฮจีนิค (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทนี้เกิดขึ้นจากการร่วมทุน ระหว่าง บริษัท ดีไฮจินิค สิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นบริษัทแม่กับนักลงทุนชาวไทยด้วยงบการลงทุน 30 ล้านบาท เพื่อให้บริการทำความสะอาดที่นอน พรม โซฟา ให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในระดับไฮเอน หรือลูกค้าระดับบีบวกขึ้นไป เป็นครั้งแรกในประเทศ ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้มีการร่วมทุนและเปิดดำเนินการแล้วที่ฮ่องกง อินโดนีเซีย และกำลังจะเปิดดำเนินการในประเทศมาเลเซียและเวียดนาม
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในระยะเริ่มต้น บริษัทจะเน้นให้บริการกลับลูกค้าบ้านเดี่ยว บ้านจัดสรร และคอนโด ระดับไฮเอน ในราคาเริ่มต้นสำหรับทำความสะอาดที่นอนที่ 2,990 บาท หลังจากทดลองเปิดมา 3 เดือน มีลูกค้าแล้วประมาณ 300 – 400 ราย โดยบริษัทจะเข้าไปจัดโรดโชว์ตามโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดต่างๆ เช่น หมู่บ้านและคอนโดในเครือแสนสิริ เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเข้าไปรับทำความสะอาดในโรงแรมระดับ 5 – 7 ดาว เช่น โรงแรมอินเตอร์คอน หัวหิน, แมนดาริน โฮเต็ล, เชอราตัน พัทยา เป็นต้น และ โรงพยาบาล เช่น รพ.บำรุงราษฎร์ ซึ่งถือเป็นลูกค้าในระดับองค์กร โดยปัจจุบันอยู่ในขณะเจรจา คาดว่าในอนาคตบริษัทจะมีสัดส่วนลูกค้าองค์กร 40% และลูกค้าทั่วไป 60% ซึ่งเป็นทิศทางการดำเนินเดียวกับบริษัทแม่ในประเทศสิงคโปร์
ทั้งนี้ ในระยะเริ่มต้นของการดำเนินงานในประเทศไทย บริษัทได้ใช้งบส่งเสริมตลาด การออกบูธ การสาธิตการทำความสะอาด การให้ความรู้ และจัดโรดโชว์ รวม 4 – 5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรในการตั้งบูธ และเป็นจุดรับบริการเบื้องต้นในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เช่น สาขาชิดลม โฮมโปร และพารากอน คาดว่าบริษัทจะมียอดขายจากการดำเนินการในปีแรก 40 – 50 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีทีมและการให้บริการครอบคลุมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น หากบริษัทมีความพร้อมและได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี หรือมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทก็จะเริ่มขยายการให้บริการไปในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบการลงทุนเอง หรือการขายแฟรนไชส์นั้น ต้องพิจารณากันต่อไป แต่หากบริษัทสามารถดำเนินการได้จะช่วยให้ยอดขายของบริษัทเติบโต 100% หรือ 1 เท่าตัวจากยอดขายที่วางไว้
“การให้บริการทำความสะอาดที่นอน ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย แต่การทำความสะอาดพรม โซฟา เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่มีการให้บริการในรูปแบบบริษัท และรับประกันเรื่องความสะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพ จึงถือว่าธุรกิจนี้เป็นธุริจใหม่ในประเทศไทย จำเป็นต้องมีการสร้างการรับรู้จักให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความใส่ใจในสุขภาพอยู่แล้ว” นายพิศิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติม


