รุ่นใหม่สยามกลการฯ ชูจุดเด่นบริการเหนือคู่แข่ง
โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
บริษัท สยามกลการเป็นหนึ่งในบริษัทที่อายุยาวนาน มีธุรกิจในเครือหลายสาขา ทายาทในตระกูลก็มากเช่นกัน ซึ่งแต่ละคนถูกวางตัวให้ดูแลธุรกิจต่างกัน โดย ประธานวงศ์ พรประภา บุตรชายคนโตของ พินิจ พรประภา ก็เป็นทายาทที่ถูกวางตัวให้ดูแลบริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม
ประธานวงศ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม ผู้ดำเนินธุรกิจรถโฟล์คลิฟต์และรถคลังสินค้า เปิดเผยว่า ได้เริ่มดูแลธุรกิจนี้มาแล้ว 3-4 ปี โดยก่อนนี้ดูแลธุรกิจโรงแรมสยามแอทสยามมาก่อน เพราะเป็นคนชอบเที่ยวและกินดื่ม รู้สึกว่าการทำโรงแรมเข้ากับไลฟ์สไตล์ กระทั่งคุณพ่อต้องการให้มาทำงานสยามกลการอุตสาหกรรม เพราะช่วงนั้นบริษัทกำลังมีปัญหา จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการดูแลธุรกิจจนถึงวันนี้
ช่วงแรกที่ย้ายมาดูแลสยามกลการอุตสาหกรรมต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด เพราะรูปแบบงานต่างกับโรงแรม ความยากง่ายในการบริหารและวิธีคิดต่างกัน เมื่อเริ่มทำสักระยะหนึ่งรู้สึกว่าประสบการณ์โรงแรมใช้กับบริษัทนี้ได้ เพราะโรงแรมเป็นธุรกิจบริการ 100% ส่วนสยามกลการอุตสาหกรรมเดิมมองเป็นธุรกิจซื้อขาย หรือเช่ารถโฟล์คลิฟต์และรถคลังสินค้าเท่านั้น สุดท้ายลูกค้าซื้อหรือเช่ารถไป สิ่งที่ตามมาก็เกี่ยวกับบริการอยู่ดี เพราะธุรกิจนี้แข่งขันได้ด้วยบริการหลังการขาย
ประธานวงศ์ กล่าวว่า เมื่อเข้ามาดูแลสยามกลการอุตสาหกรรม ได้เน้นเรื่องบริการหลังการขาย บริการลูกค้าด้วยใจ (เซอร์วิส มายด์) มากขึ้น เพราะช่วงหลังสัดส่วนรถเช่ามากกว่าขาย ต้องให้ความสำคัญเตรียมช่างให้พร้อม ดูแลหลังการขายตลอดเวลา เพื่อเป็นจุดแข็งให้บริษัทต่างจากคู่แข่งอื่นในตลาด
“ปัจจุบันสัดส่วนรถโฟล์คลิฟต์และรถคลังสินค้าเป็นการเช่า 80% แนวโน้มนี้มาจากบริษัทลูกค้าไม่ต้องการปวดหัวดูแลรักษารถเอง เมื่อเป็นการเช่า บริษัทเป็นผู้ดูแลรถ เช่น เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือบำรุงรักษารถ บริษัทจะมีรถสำรองให้ใช้ บริษัทลูกค้าก็รู้สึกว่าการเช่าช่วยให้คุมต้นทุนง่ายกว่า ประเมินต้นทุนทั้งปีได้ชัดเจน”
นอกจากให้น้ำหนักบริการ ยังให้ความสำคัญการทำตลาดและประชาสัมพันธ์มากขึ้น จากที่ผู้บริหารยุคก่อนไม่ได้ให้น้ำหนักเรื่องนี้ เพราะอาจมองธุรกิจนี้เป็นการเจรจาระหว่างภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ (บีทูบี) จึงมองว่าไม่จำเป็น แต่เนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงเปลี่ยนชื่อยี่ห้อรถใหม่จากนิสสัน ฟอร์คลิฟท์ บาย ยูนิแคริเออร์ เป็นยูนิแคริเออร์ จึงต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าได้ปรับปรุงแบรนด์ให้ดูสดใหม่ขึ้น โดยที่แบรนด์ยังมีคุณภาพคงเดิม
สำหรับอีกสิ่งที่ปรับเปลี่ยนคือโครงสร้างการดำเนินงาน เดิมเป็นแบบบนลงล่าง ทุกอย่างผู้บริหารสูงสุดตัดสินใจ ก็เริ่มหาผู้บริหารระดับผู้จัดการทั่วไปเข้ามาเพิ่มเพื่อกระจายอำนาจตัดสินใจจะได้ช่วยกันทำงานได้มากขึ้น
ด้านภาพรวมธุรกิจปีนี้มีผู้เล่นเข้ามาตีตลาดมากขึ้นโดยเฉพาะจากจีน ซึ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี หลายบริษัทประหยัดต้นทุนด้วยการไปเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพด้อยลงเพราะราคาถูกกว่า ส่งผลกระทบถึงบริษัทเพราะราคาผลิตภัณฑ์ต่างจากผลิตภัณฑ์จากจีนมาก ขณะที่คุณภาพก็ต่างกันชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะเกิดผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น เพราะเมื่อลูกค้าหันไปใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพด้อยกว่าระยะหนึ่ง อาจกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเช่นเดิม เนื่องจากหากใช้ผลิตภัณฑ์ด้อยคุณภาพ เมื่อเกิดเหตุรถเสียหน้างานจะกระทบทำให้ต้องหยุดการผลิตหรือกระบวนการดำเนินงาน เกิดความเสียหายตามมามาก
“รถโฟล์คลิฟต์และรถคลังสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์จำเป็นในวงจรธุรกิจ โดยเฉพาะคลังสินค้าเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวก็ยังใช้ อาจชะลอซื้อรถใหม่ แต่ไม่ยกเลิกซื้อ ผลที่เกิดกับบริษัทคือข้อตกลงธุรกิจที่คาดว่าปิดยอดปีนี้ก็เลื่อนไปก่อน”
ทางด้านรายได้ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 740 ล้านบาท เพิ่ม 17% จากช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งมีรายได้ 633 ล้านบาท ทั้งปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 1,500 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มี 1,300 ล้านบาท มองว่าน่าจะทำได้ตามเป้า ปัจจัยการปรับโฉมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นปีหน้า ซึ่งดีกับธุรกิจของบริษัทด้วย
ประธานวงศ์ กล่าวว่า ช่วงเศรษฐกิจมีปัญหาและบริษัทลูกค้าได้รับผลกระทบ เช่น ต้องลดกำลังการผลิต ทำให้จำนวนรถที่เช่าไปนั้นมากเกินความต้องการใช้ ก็มีมาเจรจากับบริษัทบ้างเพื่อปรับเปลี่ยนการเช่าลดต้นทุน บริษัทมองว่าธุรกิจโตได้ด้วยลูกค้า ไม่ได้เน้นหาเงินอย่างเดียว ก็จะช่วยเหลือลูกค้าเท่าที่ทำได้ เช่น ลดค่าเช่าระยะหนึ่งตามการใช้งานรถที่ลดลง รถที่เหลือแม้ไม่ได้ใช้งานแต่จะให้จอดสำรองไว้ก่อน เมื่อถึงวันที่การผลิตฟื้นลูกค้าจะมีใช้งานได้ทันที
ขณะที่การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ใกล้มาทุกที บริษัทมองเห็นโอกาสดีนำรถเช่ามือสองจากที่หมดสัญญาเช่าในไทยไปขายหรือให้เช่า โดยมองรูปแบบธุรกิจไว้หลายทาง ส่วนจะเลือกแนวทางไหนต้องรอสรุปอีกครั้ง
ประธานวงศ์ มองว่า การทำธุรกิจรถโฟล์คลิฟต์และรถคลังสินค้าให้เช่าไม่ง่าย แต่บริษัททำมากว่า 10 ปีจึงจัดการได้ดี เมื่อรถเช่าครบกำหนดจะดำเนินการ 3 วิธี คือ 1.รถสภาพดีจะให้ไปดูหน้างานแล้วขายราคาตามสภาพ 2.นำรถกลับมาปรับปรุงให้เหมือนใหม่แล้วขายเป็นรถมือสอง 3.หากรถเช่าไปอยู่ตามโรงงานที่สารเคมีมาก สารเคมีกัดกร่อนจนสภาพรถแย่มากจะขายเป็นเศษเหล็ก แต่กรณีนี้น้อยมาก เพราะบริษัทเลือกลูกค้าที่ปล่อยเช่ารถให้พอสมควร
นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าบริษัทยังกระจายไปในทุกธุรกิจ เช่น ยานยนต์ โลจิสติกส์ อาหารแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็ง โรงไม้ โรงยาง พร้อมทั้งมองว่าลูกค้าธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งมีศักยภาพบุกตลาดเพิ่มอีก จึงบุกตลาดเพิ่มผ่านตัวแทนจำหน่ายทางภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันมีตัวแทน 3 สาขา ถือเป็นภาคเดียวที่บุกผ่านตัวแทน ส่วนภาคอื่นบริษัทจะเข้าไปบุกเอง ปัจจุบันมี 5 สาขาใหญ่ครอบคลุมภูมิภาคที่เหลือแล้ว
ประธานวงศ์ แนะนำคนที่ต้องสืบทอดกิจการว่า ก่อนอื่นถามตัวเองว่าชอบธุรกิจนั้นไหม ถ้าไม่ชอบควรหาคนอื่นมาบริหารให้แล้วตัวเองไปทำสิ่งที่ชอบ เพราะหากทำจากความชอบจะมีแรงบันดาลใจให้ทำงานนั้น หากไม่ชอบไม่มีใจกับธุรกิจก็ไม่มีทางทำได้ดี และเมื่อเข้ามาทำงานแล้วสิ่งสำคัญคือทำงานเป็นทีม เพราะทำงานคนเดียวไม่มีทางทำได้ดีเท่าหลายคนช่วย
“สิ่งสำคัญคือจัดทีมให้แข็งแกร่ง บางคนให้น้ำหนักทำยอดขาย ดูภายนอกอาจทำให้ยอดขายดีแต่ถ้าช่วงนั้นทีมงานไม่แข็งแรงก็ยากที่จะโต เพราะองค์กรที่โตได้ต้องมาจากข้างในแข็งแรงไม่ใช่โตจากภายนอก ต่อให้ทำยอดขายมากแต่ทีมที่มีรับไม่ไหวก็ลำบาก เราต้องยืนบนขาของเราให้แข็งแรงก่อนเริ่มวิ่ง”
นักบริหารที่ดีล้วนให้ความสำคัญเรื่องทีมงาน ผู้บริหารรุ่นใหม่สยามกลการอุตสาหกรรมจึงถือว่ามาถูกทางแล้ว


