posttoday

มองโกลวันนี้

06 พฤศจิกายน 2558

หลังจากมองโกลผ่านความรุ่งเรืองสูงสุดมาแล้ว จีนก็เข้าไปยึดมองโกเลียในสมัยราชวงศ์ชิง จากนั้นความเป็นมองโกลก็เริ่มมีภาพลักษณ์เปลี่ยนไปเมื่อวัฒนธรรมจากพระทิเบตเข้ามาในพื้นที่มองโกเลีย ทำให้ความเป็นทิเบตมาผสมอยู่ในชีวิตคนมองโกลในมองโกเลีย

หลังจากมองโกลผ่านความรุ่งเรืองสูงสุดมาแล้ว จีนก็เข้าไปยึดมองโกเลียในสมัยราชวงศ์ชิง จากนั้นความเป็นมองโกลก็เริ่มมีภาพลักษณ์เปลี่ยนไปเมื่อวัฒนธรรมจากพระทิเบตเข้ามาในพื้นที่มองโกเลีย ทำให้ความเป็นทิเบตมาผสมอยู่ในชีวิตคนมองโกลในมองโกเลีย

พอราชวงศ์ชิงของจีนล่มเพราะญี่ปุ่นเข้าแทรกแซง มองโกเลียก็ประกาศเอกราชจากจีน เบื้องหลังนั้นคือรัสเซียนำทหารเข้าไปช่วยมองโกเลียรบกู้เอกราช

รัสเซียช่วยมองโกเลียต่อเนื่องจนถึงสมัยโซเวียตและได้เข้ามาจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ในมองโกเลียขึ้นปกครองประเทศ

มองโกเลียรื้อวัดทิเบตทิ้งเกือบหมดประเทศ

หากจะถามหาว่าอะไรบ้างในมองโกลเลียวันนี้ที่ยังมีความยิ่งใหญ่ อย่างสมัยที่ “เจงกิสข่าน” เคยรวมเผ่าพันธุ์ไว้เมื่อ 800 ปีที่แล้ว

ไม่เหลืออะไรเท่าใดนัก ในเมื่อทุกวันนี้ภาษาเขียนของมองโกเลียยังใช้ตัวอักษร Cyrillic ของรัสเซีย เต้นบัลเลต์ที่รัสเซียสอนให้และก็กลั่นเหล้า Vodka แบบรัสเซียกิน

ตัวตนของมองโกลหายไปแล้วแทบหมดสิ้น

แต่ “เจงกิสข่าน” วีรบุรุษคนสำคัญยังติดอยู่ในห้วงสำนึกของคนมองโกเลียไม่เสื่อมคลาย มีรูป “เจงกิสข่าน” ติดอยู่ทั่วไปในประเทศมองโกเลีย นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ลบจากหัวใจพวกเขาไปไม่ได้

วันนี้ “เจงกิสข่าน” เป็นอะไรก็ได้ที่มีความหมายถึงความยอดเยี่ยม  เป็นที่สุดของที่สุด...

 “เจงกิสข่าน” เป็นชื่อยี่ห้อ Vodka เป็นชื่อร้านเนื้อย่าง เป็นชื่อสนามบิน ฯลฯ ผู้เขียนคิดว่าหากคนมองโกเลียคิดจะทำสินค้าหรือธุรกิจอะไรสักอย่าง แล้วนึกชื่ออะไรไม่ออก

ก็คงจะตั้งชื่อ “เจงกิสข่าน” เอาไว้ก่อน

ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจักรวรรดิมองโกลที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเคยครอบครองพื้นที่จากชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกไปถึงแม่น้ำ Volga ได้สูญเสียตัวตนไปได้ขนาดนี้

ปลายสหัสวรรษที่แล้ว หนังสือพิมพ์ Washington Post ได้ยกย่องให้ “เจงกิสข่าน” เป็นบุคคลแห่งสหัสวรรษ...Genghis Khan–Man of the Millennium

คนทักกันตรึมว่า... ไปให้เครดิตกับฆาตกรที่เดินทางไปฆ่าคนเป็นล้านๆ ได้อย่างไร

เขาตอบมาว่า ในสมัยนั้นการฆ่ากันเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับสร้างจักรวรรดิเป็นเรื่องปกติที่คนทุกเผ่าพันธุ์กระทำ

ไม่ผิดหรอกจอร์จ...

แต่ก็อย่าลืมนะว่า...  ภาพจริงของ “เจงกิสข่าน” อาจไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ แต่ที่ดูโหดไปก็เป็นเพราะบันทึกเหล่านั้นส่วนใหญ่มาจากพวกที่สูญเสียให้กับมองโกล

มีบันทึกถ้อยคำของ “เจงกิสข่าน” ที่นักบริหารนำมาเอ่ยอ้างอยู่เนืองๆ เช่น “การรบให้ชนะต้องมีวิธีการที่หลากหลาย”

 “การเอาชนะบนหลังม้านั้นไม่ยาก แต่การลงจากหลังม้าแล้วมาปกครองนั้นสิคือเรื่องยาก”

หรือสิ่งที่ Francis Bacon บอกว่า... “โลกต้องไม่ลืมสิ่งมีค่าที่มองโกลได้ทิ้งให้ยุโรป 3 อย่าง คือ...การพิมพ์  ดินปืน และเข็มทิศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล”

นั่นเป็นสิ่งที่บอกเราว่ายังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างซ่อนอยู่ในความสำเร็จของพวกมองโกล พวกเขาไม่ได้บ้าเลือดเดินหน้าฆ่ามันอย่างเดียวหรอกนะคะ

แต่วันนี้...  ความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิมองโกลเป็นตำนานไปแล้วจริงๆ

เหลือแต่รอยอดีตอันมีค่าให้เราได้ศึกษาและเรียนรู้

ข่าวล่าสุด

4 หน่วยงานลุย "สะพานสมุย" พ่วงน้ำ-ไฟ-เน็ต แก้ปัญหาระยะยาว