posttoday

สาวเปลือยในตู้กระจก

19 กรกฎาคม 2553

.....ฐาปนา

ในโลกยุคใหม่นี้ การตลาดดูจะเป็นเรื่องที่ดุเด็ดเผ็ดมันกันมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงเกิดความคิดสร้างสรรค์กันมากมาย แต่บางทีหลายความคิดที่ว่าสร้างสรรค์ ก็อาจจะดูเป็นเรื่องไม่เอาไหน อย่างเรื่องที่นำมาให้ท่านผู้อ่านได้เห็นภาพกันวันนี้

แม่สาวในภาพเป็นหุ่นโชว์เสื้อผ้าที่ถูกจัดแสดงในตู้โชว์ของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในเมือง Nebraska สหรัฐอเมริกา ซึ่งหากจะว่าเป็นหุ่นโชว์เสื้อผ้า ก็คงจะเป็นการบอกที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะจากที่เห็นนั้นสาวเจ้าไม่ค่อยจะเน้นการใส่เสื้อผ้า หรืออาจจะเรียกได้ว่าเปลือยนั่นแหละ

จะว่าไปก็เป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกัน ที่ตามปกติแล้วอเมริกันชนเป็นกลุ่มคนที่สามารถเปิดรับเรื่องใหม่ๆ เรื่องโป๊ เปลือย กันได้ไม่ยาก แต่ในหลายๆ โอกาส คนอเมริกันก็มีจริยธรรมกันมาก อย่างกรณีนี้ ที่เหล่าประชาชนผู้ผ่านไปผ่านมามองแล้วว่า มันเป็นการจัดตู้โชว์ของห้างที่ทำได้อย่างไร้ศิลปะและไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะตู้โชว์นี้ไม่ได้ตั้งไว้ในสถานที่เฉพาะ เช่น ในร้านขายสินค้าสำหรับผู้ใหญ่ หรือร้านขายอุปกรณ์ทางเพศที่เขาเปิดกันได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งหากทำอย่างนั้นก็คงไม่มีใครว่า แต่นี่เป็นการจัดแสดงหุ่นเปลือยในตู้โชว์ที่ไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ลูกเล็กเด็กแดงเดินผ่านไปผ่านมาก็มองเห็นด้วยเช่นกัน และเรื่องแบบนี้ฝรั่งเขาไม่ค่อยจะยอมกันนัก ประชากรของเมืองนี้ก็เลยแห่กันไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจัดการเพื่อปิดภาพอุจาดตานี้โดยด่วน

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นให้มีการวิพากษ์ วิจารณ์กันมาก และตำรวจก็พยายามจะติดต่อเจ้าของห้างเพื่อให้แก้ไขปัญหา แต่ตามข่าวบอกว่า ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถติดต่อผู้บริหารของห้างได้ ในขณะที่ประชาชนก็โวยมาเรื่อยๆ จนตำรวจต้องตัดสินใจปกปิดตู้โชว์นี้เอาไว้หลังจากมีเสียงต่อว่ามาเพียบ

ด้านโทเบียส เทมเพลเมเยอร์ อัยการของเมืองออกมากล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากตำรวจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แถมยังบอกอีกว่า ยังไม่สามารถระบุหรือตัดสินให้ชัดเจนว่า กรณีนี้เป็นเรื่องลามกหรือหยาบโลนหรือไม่ ซึ่งก็นับว่าท่านอัยการ ความรู้สึกช้าน่าดู

ส่วนเควิน คราเมอร์ เจ้าของร้าน ได้ส่ง ดัสติน การ์ริสัน ทนายความออกมาโวยว่า งานนี้อาจมีฟ้องให้ได้ขึ้นโรงขึ้นศาลกัน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะไม่พอใจกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำ

ไม่มีอะไรที่ลามกเลยสำหรับนางแบบพวกนี้การ์ริสัน กล่าว และย้ำด้วยว่า อันที่จริงผู้คนก็เห็นนางแบบเปลือยกันมานักต่อนักแล้ว สรุปง่ายๆ ก็คือ จะมาอ่อนไหวอะไรกับอีแค่หุ่นโชว์ที่ไม่ใส่เสื้อผ้านี้ก็ไม่รู้ ซึ่งถึงตอนนี้สำนักข่าวต่างประเทศก็รายงานว่า คงต้องรอดูผลกันไปก่อนว่าจะมีเรื่องฟ้องร้องกันจริงหรือไม่ และผลจะออกมาเป็นอย่างไร

แต่ที่แน่ๆ เราคงได้เห็นกันแล้วว่า ไอเดียทางการตลาดบางเรื่องควรจะต้องคิดให้รอบคอบก่อน เพราะไม่ว่าใครจะถูกหรือผิด หรือจะมีการขึ้นศาลกันหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือประชาชนจำนวนมากที่ไม่พอใจ ซึ่งก็น่าคิดว่าแม้จะเป็นสังคมแบบเปิดเผยแบบอเมริกันชน และสิ่งที่การ์ริสันพูดก็เป็นเรื่องจริงที่ว่า ผู้คนได้เห็นนางแบบเปลือยกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน แถมยังเป็นนางแบบจริงๆ ไม่ใช่หุ่นพลาสติกอย่างนี้ด้วยซ้ำ แต่พอมีผู้จุดประเด็นนี้ขึ้นมาเรื่องที่เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งในเชิงการตลาดแล้วการเป็นข่าวมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

สำหรับแนวคิดด้านการตลาดในบ้านเราก็คงได้เห็นกันเหมือนกันว่า อาการวับๆ แวมๆ มีมากขึ้น หรือจะว่าไปบางที่ก็ถึงกับโจ่งแจ้ง ภาพที่ในอดีตเราเคยเห็นกันว่าเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม กลายเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดกันมากขึ้น เช่น หากมองย้อนไป 20 ปีก่อน จะให้นางแบบใส่เสื้อกล้ามก็คงถูกตำหนิแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ มีการนำดารา นางแบบ มาอาบน้ำกันให้เห็นจะจะตั้งหลายที ไม่ว่าจะเป็นในห้องแถลงข่าวของโรงแรม ในห้างสรรพสินค้า รวมทั้งบนรถที่เคลื่อนที่ไปตามถนนต่างๆ

เช่นเดียวกับนานาโปสเตอร์หรือป้ายโฆษณา ที่มีลักษณะของการสื่อสารในเรื่องเพศ หรือนุ่งน้อยห่มน้อยกันมากขึ้นทั้งหญิงและชาย ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจนว่าผิดหรือถูก แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อมเป็นกรณีๆ ไป

แต่ที่เราเห็นได้ชัดจากข่าวที่มาจากสหรัฐอเมริกาข่าวนี้ก็คือ ถึงแม้สังคมของเขาจะเปิดกว้าง แต่เขาก็ไม่ยอมให้ภาพหรือสื่อที่ไม่เหมาะสมมารุกล้ำที่สาธารณะจนเกินควร และเราก็คงจะได้เห็นกันจากอีกหลายๆ กรณีที่ฝรั่งเขาใส่ใจเด็กมากกว่าเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดเรตภาพยนตร์กันอย่างจริงจัง กฎหมายการดูแลเด็กที่ห้ามทิ้งเด็กไว้เพียงลำพังหากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ ฯลฯ ในขณะที่บ้านเรานั้น แม้จะเริ่มมีการจัดเรตละครแล้ว แต่ก็ยังต้องดูกันไปอีกนานว่า จะได้ผลอย่างที่หวังหรือไม่

ในขณะที่การตลาดและการโฆษณายังไม่มีการจัดเรต และเรายังเห็นภาพกึ่งเปลือยกันเป็นธรรมดาทั่วไปอยู่ทุกวัน ซึ่งไม่ได้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการริเริ่ม หรือความคิดสร้างสรรค์ของนักโฆษณา ทว่า เป็นแค่เพียงการเอาแนวคิดเก่าๆ และการกระทำแบบเดิมๆ ด้วยการขายรูปลักษณ์มาใช้ ซึ่งไม่เพียงแต่อาจจะทำให้เกิดปัญหาจริยธรรมในสังคมเท่านั้น

แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นชัดถึงการไม่พัฒนาด้านความคิดสร้างสรรค์กันเอาเสียเลย

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ