การ์ตูน เปลี่ยนชีวิต?
ผมไปอ่านเจองานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับหนังและการ์ตูนที่เปลี่ยนชีวิตเด็กๆ...งานวิจัยนี้พูดถึงอิทธิพลของการ์ตูนยอดฮิตที่บ่มเพาะความคิดของเด็กๆ ที่ดู
โดย...ภาวิทย์ กลิ่นประทุม
ผมไปอ่านเจองานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับหนังและการ์ตูนที่เปลี่ยนชีวิตเด็กๆ...งานวิจัยนี้พูดถึงอิทธิพลของการ์ตูนยอดฮิตที่บ่มเพาะความคิดของเด็กๆ ที่ดู
ลองมาดูซิครับว่า คน Gen Y อย่างผม มีการ์ตูนเรื่องใดบ้างที่เปลี่ยนความคิด
เรื่องแรก โดราเอมอน...อันนี้ผมชอบมาก ตอนโตผมมารู้ว่า จริงๆ คนเขียนการ์ตูนเขาเอาชีวิตของโนบิตะมาจากคนพิการคนหนึ่งที่ลุกจากเตียงไม่ได้...มันฟังดู Sad มาก แต่เอาเถอะ การ์ตูนเรื่องนี้สอนผมหลายๆ อย่าง
ที่สำคัญเลย โดราเอมอน สอนผมว่า “โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ซึ่งมันตลกมากที่เดี๋ยวนี้ของวิเศษหลายๆ อย่างในเรื่องโดราเอมอนเริ่มมีจริงในชีวิตประจำวัน อย่าง iPhone ก็ใช่
เด็กที่เกิดในยุคโดราเอมอนผมว่าจะมีจินตนาการสูงและมองโลกในแง่บวกที่ทุกอย่างแก้ไขได้ แต่ที่สำคัญ ต้องเข้าใจลึกไปอีกนิดว่า ของวิเศษต่างๆ ของโดราเอมอน แท้จริงแล้วก็คือตัวเราเอง
ใช่!! “ความเชื่อ” มันเปลี่ยนชีวิตทั้งหมดของเรา ในบางประเทศเขามีความเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนมี Gift หรือพรสวรรค์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน ซึ่งสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด ดังนั้น เป้าหมายแรกของชีวิตของคนเราก็คือ หา Gift ตรงนั้นให้เจอ และสิ่งนั้นเองคือภารกิจ หรืองานที่เราควรจะทำ
เช่น ถ้าเรามีความสามารถพิเศษด้านดนตรี เราก็ควรใช้ดนตรีนั้นแหละเปลี่ยนให้เป็นงานและเป็นเงิน เพราะการที่เราได้ทำในสิ่งที่เรียกว่าเป็นพรสวรรค์ของเรา ก็จะทำให้เราทำสิ่งนั้นได้ดีและประสบความสำเร็จในที่สุด
โลกทุกวันนี้ตลกที่พยายามทำให้ทุกคนทำงานที่เขาไม่อยากทำ เรามีคำว่า “อาชีพ” ซึ่งมันโคตรล้าสมัย เพราะวันนี้มองไปรอบๆ ตัว คนที่ทำอาชีพที่ตัวเองไม่ชอบมักชีวิตแป้กทุกคน ผิดกับคนที่เลือกเปลี่ยนงานอดิเรกหรือเปลี่ยนพรสวรรค์ให้เป็นเงิน พวกนี้รวยทุกคน
ยกตัวเอง โน้ต อุดม เขารู้ว่าพรสวรรค์เขาก็คือ “ตลก” ถ้าพี่โน้ตพยายามไปเป็นนักธุรกิจ คงไม่ Work และยากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะ หนึ่ง ไม่ชอบ และ สอง คือ ไม่ชอบไง ...มันตลกมากๆ เลยนะ ที่บางคนบอกว่า เราทำงานที่ได้เงินดี เดี๋ยวดีเอง แทนที่จะสอนให้เราเปลี่ยนสิ่งที่ชอบ เปลี่ยนสิ่งที่เราเล่นให้เป็นเงิน
วันนี้ “งานเล่นๆ” มันทำเงินมากกว่า “งานจริงๆ” ของคนส่วนใหญ่เสียอีก เพราะงานเล่นๆ นี่คืองานที่เราชอบ มันสนุก ยิ่งเราทำได้ดียิ่งสนุก ผมว่าแค่นี้มันก็แทบจะการันตีความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
จากโดราเอมอนมาถึงดราก้อนบอล ผมว่าการ์ตูนเรื่องนี้มันสอนให้เรา “เดินทาง” ซึ่งมันตรงกับ Concept ของชีวิตคนเก่ง ในหนังจีน เราเรียกนักเดินทางว่าจอมยุทธ์ พระเอกจะท่องยุทธภพไปเรื่อยๆ ซึ่งการท่องยุทธภพในการ์ตูนดราก้อนบอลก็คือ การหาลูกแก้ววิเศษ
ใครก็ตามหาลูกแก้ววิเศษได้ครบ 7 ลูก จะสามารถขออะไรก็ได้ คุณสังเกตไหมว่าลูกแก้วแต่ละลูกก็จะอยู่ในมือของคนเก่งที่พระเอกต้องไปเจอ ไปต่อสู้ อันนี้ลองมาเทียบกับชีวิตจริง ผมว่าก็คล้ายๆ กัน
คนที่เก่งในยุคปัจจุบันคือ คนที่เดินทางเยอะ เพียงแต่เขาไม่ได้ไปหาลูกแก้ว แต่เขาไปพบคนเก่ง ...ต่อสู้กับคนเก่ง ร่วมงานกับคนเก่ง มันก็เหมือนได้ความรู้ เก็บประสบการณ์ และในที่สุด เมื่อเดินทางมากพอก็จะมีวิทยายุทธ์ มีความเก่ง
แล้วที่ตลกคือ การ์ตูนนักเดินทาง หรือหนังจีนมักมีตอนจบคล้ายๆ กัน คือพระเอกชวนนางเอกไปอยู่ป่า ...เฮ้ย!! นี่มันแนวทางของพระนี่...ตลกดีนะ “สูงสุดสู่สามัญ” ทั้งหมดผมว่ามันสะท้อนวิถีของชีวิตมนุษย์ ซึ่งก็คือการเดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เจออุปสรรค เจอคน เรียนรู้ เติบโต เพื่อวันหนึ่งเมื่อเราเรียนรู้หมดก็จะรู้ว่าทุกอย่างไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าความวุ่นวาย
เอ๊ะ !! หลายคนสงสัยขึ้นทันทีว่า “แล้วอย่างนี้จะเหนื่อยยากไปทำไม ก็ถอนตัวออกจากยุทธภพวันนี้เลยเป็นไง...ดีกว่าไหม ?”
เอางี้ ผมมีการ์ตูนอีกเรื่องที่ชอบมาก คือ “อิคคิวซัง” อันนี้สอนผมเต็มๆ ว่า ทำอะไรต้องใช้สมอง
“ใช้สมอง !!” อิคคิวซังโชว์ให้เห็นว่าทุกปัญหามีทางออก และทุกตอนที่ดูมีปัญหา ดังนั้น ไม่ต้องหนีปัญหา...ลุยไปเลย พอเจอปัญหาปั๊บ “ใช้สมอง” นี่แหละเรียนรู้จากการ์ตูน ผมว่าแนวดีนะ...ฮ่า ฮ่า


