ล้วงเงินกองทุนสลากดูแลสังคม2พันล./ปี

คสช.เพิ่มวัตถุประสงค์ใช้เงินกองทุนสลากลุยแก้สลากแพง เล็งโละโควตาการกุศล

รายงานจากราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่เมื่อวันที่ 10 ส.ค. พบว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ข้อที่ 5 ของกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม โดยกำหนดให้จัดสรรเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลาก 60% เป็นเงินรางวัล อีกไม่น้อยกว่า 20% เป็นรายได้แผ่นดิน ไม่เกินกว่า 17% เป็นค่าใช้จ่ายบริหารงาน ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และให้ 3% เป็นเงินกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ตั้งข้อสังเกตเรื่องการออกคำสั่งครั้งนี้ว่า เพื่อแก้ปัญหาสลากเกินราคาที่เกิดจากการจัดสรรโควตาสลากการกุศล ซึ่งส่วนใหญ่จัดสรรให้หน่วยงานองค์กร นิติบุคคล แต่บางหน่วยงานไม่มีความสามารถจำหน่ายเองจึงนำโควตาไปขายส่งให้ยี่ปั๊ว ซาปั๊วต่อ ดังนั้นสำนักงานสลากฯ จึงมีแนวคิดยกเลิกการจำหน่ายสลากการกุศล 22 ล้านฉบับ ให้เปลี่ยนเป็นการออกสลากกินแบ่งทั้งหมด เบื้องต้นคาดว่าจะมีเงินประมาณ 88 ล้านบาท/งวด (เมื่อหักจาก 3% ของยอดขายต่องวดส่งเข้ากองทุน) ส่งเข้ากองทุนพัฒนาสังคม หรือคิดเป็นเงินต่อปีราว 2,131 ล้านบาท ที่จะทยอยสมทบเข้ากองทุน

นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กล่าวว่า รัฐบาลคงมีเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ แต่ยังไม่ถือว่าน่ากังวลเพราะคำสั่งนี้จะต้องถูกยกเลิกไปเมื่อสถานการณ์ต่างๆ เข้าสู่ภาวะปกติ และ สตง.ก็จะคอยตรวจสอบการใช้เงินในกองทุน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะโฆษกสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า คณะกรรมการสลากฯ จะเร่งหาข้อสรุปเรื่องวัตถุประสงค์และแนวทางการใช้เงินในกองทุนที่ชัดเจนได้ภายใน 1-2 เดือนจากนี้