PSLรับขาดทุนยาวโลกไม่ฟื้น
PSL ยอมรับทั้งปียังขาดทุนต่อเนื่อง ผลจากค่าระวางเรือยังห่างจากจุดคุ้มทุน
PSL ยอมรับทั้งปียังขาดทุนต่อเนื่อง ผลจากค่าระวางเรือยังห่างจากจุดคุ้มทุน
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งปีหลังยังขาดทุน และทำให้ทั้งปียังมีผลขาดทุนต่อเนื่องจากปี 2557 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 80 ล้านบาท สาเหตุเนื่องจากค่าระวางเรือเฉลี่ยต่อลำ แม้จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 5,757 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน แต่ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย และยังไม่ถึงระดับคุ้มทุน ซึ่งจะต้องมากกว่า 8,000 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำขึ้นไป
สาเหตุที่ค่าระวางเรือยังคงต่ำ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว จากปัญหาทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปและจีน ทำให้อุตสาหกรรมเดินเรือยังต้องเผชิญกับปัญหาจำนวนเรือมากกว่าความต้องการใช้เรือ (โอเวอร์ซัพพลาย)
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีเงินเพิ่มทุนเหลืออีก 1,900 ล้านบาท รองรับเป็นสภาพคล่องกับผลขาดทุนที่จะเกิดขึ้น และเตรียมไปไว้รองรับกับการสั่งซื้อเรืออีก 23 ลำ จะทยอยส่งมอบในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยจะใช้เงินลงทุน 632 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้จ่ายล่วงหน้าไปแล้ว 117 ล้านเหรียญสหรัฐ เหลืออีก 515 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับแหล่งเงินทุนที่จะใช้ซื้อเรือโดยหลักจะอาศัยการกู้เงินในสัดส่วน 70-75% และที่เหลือในสัดส่วน 20-25% จะมาจากส่วนทุนของบริษัท
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนจะขายเรืออายุมากจำนวน 21 ลำ จากปัจจุบันบริษัทมีเรืออยู่จำนวน 46 ลำ โดยครึ่งแรกของปี 2558 นี้ ได้ขายไปแล้ว 1 ลำ แต่คงไม่สามารถประเมินรายได้จากการขายเรือในส่วนนี้ได้ เพราะขึ้นอยู่กับระดับราคาขาย แต่ยอมรับว่าเงินที่ได้จะนำไปใช้เพื่อซื้อเรือใหม่ด้วยเช่นกัน
นายคาลิด กล่าวอีกว่า สภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงและค่าเงินบาทผันผวนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทแต่อย่างใด ในส่วนของราคาน้ำมันนั้น โดยปกติบริษัทจะปรับค่าบริการกับลูกค้าให้เป็นไปตามราคาน้ำมันที่ผันแปรอยู่แล้ว
ขณะที่ค่าเงินบาทถึงจะอ่อนค่าและบริษัทจะมีรายรับเป็นเงินสกุลเหรียญสหรัฐ แต่ไม่ได้ส่งผลบวกต่อบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินสกุลเหรียญสหรัฐเช่นกัน ก่อให้เกิดการป้องกันความเสี่ยงโดยธรรมชาติ และเวลารายงานงบการเงินจะแสดงทั้งรูปของเงินบาทและเหรียญสหรัฐ
ด้านผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทขาดทุนสุทธิ 402 ล้านบาท ขาดทุนมากขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนเพียง 52 ล้านบาท ทำให้ 6 เดือนของปีนี้ขาดทุนถึง 738 ล้านบาท พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 86 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีก่อน


