แอร์เอเชียยันICAOไม่สะเทือนแผนบิน AAV
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอร์เอเชีย ยัน ธงแดง ICAO ไม่สะเทือนแผนบิน AAV กระทบแค่ TAAX เดินหน้าเปิดบินจีน-อินเดียเพิ่ม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอร์เอเชีย ยัน ธงแดง ICAO ไม่สะเทือนแผนบิน AAV กระทบแค่ TAAX เดินหน้าเปิดบินจีน-อินเดียเพิ่ม
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่ในสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยในโอกาสจัดงานพบปะสื่อมวลชนและนักวิเคราะห์ว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ AAV และสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (TAAX) นั้นแยกออกจากกัน ดังนั้นหากมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นกับ AAV กับ TAAX ก็จะเป็นผลกระทบที่แยกจากกันโดยปริยาย ไม่ได้เกิดผลกระทบร่วมกัน
ทั้งนี้ตัวอย่างเช่น กรณีปัญหาองค์กรการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ขึ้นสัญลักษณ์ธงแดงให้กับประเทศไทย ภายหลังยังแก้ไขข้อบกพร่องอย่างมีนัยสำคัญด้านความปลอดภัย (SSC) ไม่เรียบร้อย ในเว็บไซต์เผยแพร่สาธารณชน มีผลกระทบทำให้ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ตัดสินใจหยุดบินเส้นทางกรุงเทพฯ – ซัปโปโร ตั้งแต่ 1 ส.ค. เป็นต้นไป เนื่องจากปัญหา ICAO ยังจัดการไม่เรียบร้อย ทำให้การขออนุญาตบินเส้นทางบินนี้ต้องทำเป็นเดือนต่อเดือน ยากต่อการบริหารจัดการ จึงขอหยุดไว้ก่อน เมื่อเรื่อง ICAO เรียบร้อยแล้วก็พร้อมกลับไปบินทันที ขณะที่ระหว่างนี้อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรเตรียมทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาเตอร์ไฟลต์) ไปเส้นทางในจีนทดแทน ซึ่งผลกระทบกับ TAAX นี้ ไม่มีผลใดๆ กับ AAV
ทางด้าน AAV ยังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ คือ มียอดผู้โดยสาร 14.5 ล้านคน อัตราบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (โหลด แฟกเตอร์) เฉลี่ย 83% รายได้รวม 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนหน้า เพราะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากกรณี ICAO ปีนี้มีแผนรับเครื่องบินเข้ามาเพิ่ม 5 ลำ ปัจจุบันรับมาแล้ว 3 ลำ เหลืออีก 2 ลำจะรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สิ้นปีมีเครื่องบิน 45 ลำ โดยยังขยายเส้นทางบินได้ตามแผนที่วางไว้อยู่ โดยจีนได้อนุญาตเปิดเส้นทางบินเพิ่ม 3 เส้นทาง ซึ่งคาดว่าจะเปิดบินได้ภายในปีนี้ได้ 2 เส้นทาง และต้นปีหน้า 1 เส้นทาง นอกจากนี้ยังได้อนุญาตเปิดเส้นทางบิน บังกะลอร์ (อินเดีย) เพิ่ม 1 เส้นทาง
“ช่วงที่เหลือของปีนี้จะเพิ่มเส้นทางบิน 5 เส้นทาง แบ่งเป็นเส้นทางที่บินตรงจากฐานการบินใหม่ อู่ตะเภา 3 เส้นทาง หลักๆ คือบินไปจีน และเส้นทางที่บินออกจากกรุงเทพฯ อีก 2 เส้นทาง ในส่วนของอินเดีย เป็นเส้นทางที่บินออกจากกรุงเทพฯ ในอดีตเคยเปิดบินในอินเดียหลายเมืองแล้ว คือ เชนไน กัลกัตตา นิวเดลี โคลัมโบ แต่ในที่สุดก็ต้องหยุดบินและเหลือแค่เส้นทางเชนไน อย่างเดียว เนื่องจากในเวลานั้นยังขาดประสบการณ์กับตลาดอินเดีย มีช่องทางจำหน่ายที่ไม่ครอบคลุม แต่จากการเหลือเส้นทางเชนไน ไว้ศึกษากลยุทธ์การทำเส้นทางบินอินเดียนานถึง 3 ปี จนปัจจุบันโหลด แฟกเตอร์เส้นทางนี้อยู่ที่ 78% หรือบางช่วงสูงถึง 85-86% มีพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทำให้มั่นใจกลับไปเปิดเส้นทางอินเดียเพิ่มอีกครั้ง โดยจะเปิดเพิ่มปีละ 1-2 เส้นทาง” นายธรรรศพลฐ์ กล่าว
นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า การที่รมว.คมนาคม เดินทางไปเยี่ยมสำนักงาน ICAO เป็นการไปอธิบายให้ฟังว่าไทยได้ดำเนินการแก้ไขอะไรไปแล้วบ้างและจะเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งการดำเนินงานหลายอย่างของไทยอาจเสร็จล่าช้ากว่าปกติ ไม่ทันตามเกณฑ์ที่ ICAO กำหนด ดังนั้นจึงขึ้นสัญลักษณ์ธงแดง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก และ ICAO ก็ยังไม่ได้ลดชั้นไทย ประเทศที่ให้บริการการบินอยู่ก็ยังให้บริการได้ตามปกติ ส่วนประเทศที่กังวลกับเรื่องธงแดงมากๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ประเทศเหล่านี้ไทยแอร์เอเชีย ไม่ได้ให้บริการเลย แต่เชื่อว่า สายการบินของไทยที่ให้บริการอยู่ในเส้นทางนี้ ซึ่งบางเส้นทางมีเพียงสายการบินเดียว ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เพราะประเทศเหล่านั้นรู้อยู่แล้วว่าสายการบินนั้นได้มาตรฐานดี
ทั้งนี้มองว่าการแก้ปัญหาของกรมการบินพลเรือน (บพ.) มาถูกทางแล้ว แต่อยากให้คำนึงถึงเรื่องความรวดเร็วในการแก้ปัญหามากขึ้น หลายเรื่องไทยต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ หลายเรื่องเพียงปัดฝุ่นใหม่ สิ่งสำคัญคือต้องฝึกอบรมคนให้พร้อมรับการคู่มือใหม่ๆ ที่ปรับปรุง ซึ่งการฝึกคนใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 สัปดาห์ หากเดินตามขั้นตอนทุกอย่างได้ดี ก็หวังว่าจะได้รับการปลดธงแดงภายในปลายปีนี้


