posttoday

‘อุษณา มหากิจศิริ ทัพพะรังสี’ ชีวิตต้องมีการลงทุน

29 พฤษภาคม 2558

“อุษณา มหากิจศิริ ทัพพะรังสี” บุตรสาวคนสุดท้องของ “ประยุทธ มหากิจศิริ” เจ้าของเครือ “พีเอ็ม กรุ๊ป” และนักลงทุนที่มีบทบาทหุ้นในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลายแห่งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“อุษณา มหากิจศิริ ทัพพะรังสี” บุตรสาวคนสุดท้องของ “ประยุทธ มหากิจศิริ” เจ้าของเครือ “พีเอ็ม กรุ๊ป” และนักลงทุนที่มีบทบาทหุ้นในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลายแห่งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

การลงทุนของเธอก็เช่นกันเหมือนสมาชิกคนอื่นในครอบครัวที่ส่วนแรกเป็นการลงทุนโดยตรงในการทำธุรกิจเหมือนคุณพ่อ พี่สาว “อุษณีย์” เจ้าของขนมชื่อดังคริสปี้ครีม และพี่ชาย “กึ้ง-เฉลิมชัย” ที่ก้าวมาเป็นผู้บริหารและเจ้าของเต็มตัวอย่าง บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) รวมถึงบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ (INOX) บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ (TFI)

สินทรัพย์ของครอบครัวเธอได้รับมอบหมายให้ดูเรื่องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สนามกอล์ฟ 2 แห่ง คือ เลควูด และเมาน์เท่น ครีก ที่เขาใหญ่ รวมถึงธุรกิจเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ทั้งหมด ล่าสุดที่เปิดตัวไปคือ นำเข้าขนมหวานมาการง ปิแอร์ แอร์เม่ ปารีส และอีกภายใน 2 เดือนนี้น่าจะเริ่มเปิดตัวราเม็งจากญี่ปุ่น โดยการลงทุนส่วนนี้เป้าหมายคือ ต้องลงทุนและบริหารให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด

“การลงทุนโดยตรงไม่ว่าใครจะมีความชอบอะไรก็สามารถทำให้มันเกิดขึ้นจริงในรูปแบบของธุรกิจได้ทั้งนั้น อย่างที่ณาชอบเรื่องของขนมก็เปิดร้านคอฟฟี่แกลเลอรี่ หรืออย่างคุณกึ้งชอบศิลปะบันเทิงก็ตั้งบริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่จัดงานสำหรับศิลปินเกาหลี แต่ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ธุรกิจของครอบครัว คุณพ่อคุณแม่เปิดโอกาสให้ทุกคนทำเรื่องที่สนใจ ทำให้แต่ละคนกล้าคิดและกล้าทำ เพียงแต่ต้องมีความมั่นใจและต้องรักที่จะทำให้เกิดขึ้นมาให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาให้ได้”

ขณะที่การบริหารเงินส่วนตัวของเธอก็เช่นกัน ที่เชื่อในการลงทุนและปล่อยให้เงินทำงานไปในระยะยาว เพราะอย่างน้อยเชื่อว่าผลตอบแทนที่ได้น่าสนใจกว่าการฝากเงินกับธนาคารเพื่อหวังดอกเบี้ยเพียง 2% ซึ่งเธอบอกว่าส่วนหนึ่งก็ได้เรียนรู้จากตอนที่ดูแลเรื่องพอร์ตลงทุนของลูกค้าเมื่อครั้งที่กลับจากตอนเรียนที่สหรัฐได้มาช่วยดูพอร์ตการลงทุนลูกค้าที่มีเป็นระดับบน ในปี 2551 ที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

สมัยนั้นทำงานอยู่บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ทำให้เธอมองเห็นการบริหารสินทรัพย์ให้มีความมั่งคั่งในธุรกิจต่างๆ ได้มากขึ้น ทั้งในส่วนบริษัท ครอบครัว และการลงทุนส่วนตัว  

ดังนั้น สินทรัพย์ที่ลงทุนครอบคลุมไปหมดตั้งแต่หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ รวมถึงกองทุนรวม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่แม้จะให้ส่วนต่างของกำไรไม่มาก แต่ถือว่าให้อัตราผลตอบแทนที่สูงถึง 7-8% ขณะที่อสังหาริมทรัพย์จะเป็นการลงทุนและบริหารในรูปแบบของทางพีเอ็ม กรุ๊ป ของครอบครัวมากกว่า

“จะมีพอร์ตลงทุนหุ้นไว้พอเคลื่อนไหวระยะสั้นบ้างแต่ไม่เยอะ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในระยะยาวเป็นหลัก เพราะไม่ต้องการเสียเวลานั่งดูพอร์ตรายวัน เนื่องจากมีงานที่ต้องรับผิดชอบรายวัน ประกอบกับเข้าใจว่าการลงทุนในหุ้นมีความผันผวนขึ้นหรือลงตามสภาพแวดล้อมปัจจัยเศรษฐกิจและปัจจัยต่างประเทศประกอบ แต่อย่างน้อยขอให้มีส่วนต่างของกำไรจากการลงทุนบ้างซึ่งตามหลักการลงทุนระยะยาวจะได้เสมอ” อุษณา เล่า

อย่างไรก็ดี จากทุกสินทรัพย์ที่เธอลงทุนไม่ว่าในสินทรัพย์ประเภทไหน เธอคาดหวังว่าพอร์ตการลงทุนโดยรวมน่าจะได้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยมากกว่า 10% ต่อปี

“การลงทุนเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำและเชื่อว่าทุกคนสามารถเริ่มต้นวางแผนและจัดสรรการลงทุนในส่วนต่างๆ ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการลงทุนคือลงทุนให้ถูกกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง” เธอทิ้งท้ายไว้ให้คิด

ข่าวล่าสุด

ป.ป.ส. ผนึก DEA สหรัฐฯ เตรียมจัดประชุม Regional IDEC 2026 ที่เชียงราย