posttoday

สะพานมิตรภาพพม่า-ลาว โอกาสขนส่งใหม่ของไทย

14 พฤษภาคม 2558

การที่พม่าและลาวสามารถบรรลุข้อตกลงในการร่วมมือกันสร้างสะพานมิตรภาพพม่า-ลาว แห่งแรกได้สำเร็จ

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

การที่พม่าและลาวสามารถบรรลุข้อตกลงในการร่วมมือกันสร้างสะพานมิตรภาพพม่า-ลาว แห่งแรกได้สำเร็จ และเพิ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ของหัวเมืองในพื้นที่ภาคเหนืออย่างมาก

ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า สะพานแห่งนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของการเชื่อมระบบคมนาคมและโลจิสติกส์ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและภูมิภาคอาเซียน ซึ่งผู้ประกอบการไทยจะต้องติดตามและศึกษาถึงโอกาสที่จะใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด

สะพานข้ามแม่น้ำโขงพม่า-ลาวเป็นการร่วมลงทุนระหว่าง สปป.ลาว และพม่า ใช้เงินลงทุนรวม 26 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นสะพานเหล็กแบบโครงถัก 2 เลน กว้าง 10.9 เมตร ยาว 691.6 เมตร เชื่อมระหว่างเมืองเชียงลาบ จังหวัดท่าขี้เหล็ก รัฐฉานของพม่า กับบ้านกุ่ม เมืองลอง แขวงหลวงน้ำทา ของ สปป.ลาว

สำนักข่าวซินหัวอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ ทองลุน สีสุลิด รมว.ต่างประเทศ ของ สปป.ลาว ว่า การเปิดสะพานมิตรภาพแห่งนี้จะช่วยส่งเสริมการค้าชายแดน และทำให้การเดินทางขนส่งระหว่างพม่า ลาว และประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ จีน ไทย เวียดนาม บังกลาเทศ และอินเดีย สะดวกมากขึ้น

 วิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ อธิบายว่า  จังหวัดท่าขี้เหล็ก นอกจากจะเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของเขตรัฐฉานของพม่า ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ของไทยแล้ว ในอนาคตอันใกล้นี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่เป็นเมืองหน้าด่านทางบกเชื่อมกับประเทศไทย แต่ยังเป็นเมืองหน้าด่านที่เชื่อมทางบกกับ สปป.ลาว ด้วย โดยจังหวัดท่าขี้เหล็กเป็นจุดระบายสินค้าของไทยผ่านทางบกข้ามด่านพรมแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ก่อนจะส่งต่อเข้าไปยังจังหวัดชั้นในของประเทศพม่า

ขณะเดียวกัน ยังเป็นจุดระบายสินค้าของจีนที่ส่งผ่านมาทางแม่น้ำโขง ซึ่งหลังมีการเปิดสะพานข้ามแม่น้ำโขงลาว-พม่า  จะทำให้สินค้าจากจีนผ่านทางบกเข้าสู่ลาว ก่อนข้ามสะพานดังกล่าวเข้ามาสู่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ซึ่งจะเป็นช่องทางกระจายสินค้าอีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเชื่อมต่อไปยังประเทศเวียดนาม และประเทศที่สามผ่านทาง สปป.ลาว จึงอาจกล่าวได้ว่า ต่อจากนี้ไปจังหวัดท่าขี้เหล็กจะกลายเป็นเมืองท่าทางการค้าและการท่องเที่ยวสำคัญของภูมิภาคสำหรับ 5 ประเทศในย่านนี้  และคาดว่าหลังจากนี้จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบคมนาคมทางบกจะสะดวกขึ้น ควบคู่กับสนามบินท่าขี้เหล็กที่มีสายการบิน 7 ราย ที่เปิดเที่ยวบินให้บริการเชื่อมต่อไปยังจังหวัดสำคัญชั้นในของพม่า

นอกจากนี้ ในอนาคตถ้ามีการพัฒนาเส้นทางเชื่อมถนนจากภาคเหนือของรัฐฉาน โดยเฉพาะเมืองเชียงตุงไปจนถึงเมืองตองจี เมืองเอกของรัฐฉาน ก็จะเป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขงไปยังประเทศพม่าทั้งประเทศได้ ขณะที่ในฝั่งลาว เมืองหลวงน้ำทาตั้งอยู่บนถนน R3A โดยตรง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปทางเหนือสู่มณฑลยูนนานของจีน และลงใต้สู่ประเทศไทยผ่านด่านเชียงของ จ.เชียงราย ส่วนฝั่งตะวันออกผ่านแยกนาเตย จะไปทางแขวงพงสาลี-หลวงน้ำทา-เดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนามได้เช่นกัน

“การเปิดสะพานแห่งนี้น่าจะเป็นผลดี และเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะส่งสินค้าเข้าไปยังประเทศจีน อีกมุมก็เป็นโอกาสของสินค้าจีนที่จะส่งเข้ามาไทยได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องเร่งศึกษาโอกาสและอุปสรรคจากการใช้สะพานนี้ให้มากที่สุด” วิโรจน์ ระบุ

ทั้งนี้ ในการประชุมใหญ่หอการค้า 5 ภาค ระหว่างวันที่ 23-24 พ.ค.นี้ ทางหอการค้าพื้นที่ภาคเหนือจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ระหว่างพม่า-ลาว ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ประกอบการไทยและธุรกิจโลจิสติกส์ ในการประหยัดค่าขนส่งสินค้าจากไทยเข้าไปยังจีนตอนใต้ (ยูนนาน สิบสองปันนา และคุนหมิง) เนื่องจากช่วยลดระยะทางจากการขนส่งเดิมได้ถึง 100 กิโลเมตร เพราะสามารถส่งสินค้าไทยข้ามด่านท่าขี้เหล็ก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผ่านชายแดนพม่าเข้าไปยังบ่อเต็น หลวงน้ำทา ของ สปป.ลาว ไปสู่จีนตอนใต้ได้

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีผู้ประกอบการไทยขนส่งสินค้าผ่านสะพานดังกล่าว เนื่องจากยังต้องเจรจาเรื่องการผ่านแดนกับประเทศพม่าให้เรียบร้อยก่อน รวมทั้งต้องรอดูว่าทางพม่าจะมีการสร้างถนนเชื่อมโยงเข้าไปยังสะพานแห่งนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งหากการขนส่งทางถนนสะดวกขึ้น ก็จะเอื้อประโยชน์ต่อไทยด้วย

วิโรจน์ ยอมรับว่า รัฐบาลของทั้งลาวและพม่าให้ความสำคัญกับการลงทุนสร้างสะพานแห่งนี้มาก เพราะจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้าขายระหว่างลาวและพม่าโดยตรงให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในส่วนของไทยเองน่าจะมีโอกาสไปใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงโครงข่ายนี้ด้วย ซึ่งมองว่าเป็นการได้ประโยชน์แบบ วิน-วิน ต่อทุกฝ่าย

ด้าน ผกามาศ เวียร์ร่า ผู้บริหาร บริษัท แม่โขง เดลต้า ทราเวลเอเจนซี่  ผู้ให้บริการเรือนำเที่ยวในแม่น้ำโขง มองว่าสะพานดังกล่าวถือเป็นจุดเชื่อมระหว่างเส้นทางสำคัญที่มีอยู่ในพม่า คือ ถนน R3B และถนน R3A ในลาว และยังอยู่ใกล้ท่าเรือเชียงกก ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญในแม่น้ำโขงที่เชื่อมกับท่าเรืออื่นๆ ในแม่น้ำโขง ทั้งของจีน พม่า และลาวได้อีกด้วย จึงถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะปัจจุบันการเดินทางไปทางถนน R3B สายท่าขี้เหล็ก-ท่าเดื่อ ประมาณ 30 กิโลเมตร และจากท่าเดื่อ-เชียงลาบ อีกประมาณ 120 กิโลเมตร

หากจะเดินทางไปตามถนน R3A เริ่มจาก อ.เชียงของ จ.เชียงราย สู่แขวงหลวงน้ำทาของ สปป.ลาว ด้วยระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร และต่อไปยังเมืองลอง ใช้ระยะทางอีกประมาณ  60 กิโลเมตร แต่ถ้าปรับไปใช้เส้นทางผ่านสะพานดังกล่าวจะย่นระยะทางจากเดิมลงประมาณ 100 กิโลเมตร และหากมีการสร้างถนนเลียบฝั่งแม่น้ำโขงในอนาคตก็จะยิ่งลดระยะทางลงได้อีกมาก สะพานแห่งนี้จึงมีความสำคัญในด้านการคมนาคม การท่องเที่ยว การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งมีมูลค่ามหาศาลที่น่าจับตาอย่างมาก

ข่าวล่าสุด

ป.ป.ส. ผนึก DEA สหรัฐฯ เตรียมจัดประชุม Regional IDEC 2026 ที่เชียงราย