posttoday

เชื่อมมุกดาหาร-สะหวันนะเขต เส้นทางสายไหมใหม่อาเซียน

06 พฤษภาคม 2558

มุกดาหารเป็นอีกจังหวัดที่จะกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน รองรับการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-ลาว หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

มุกดาหารเป็นอีกจังหวัดที่จะกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน รองรับการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-ลาว หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

เหตุผลที่มุกดาหารได้รับเลือก เพราะมีศักยภาพสูง เนื่องจากตั้งอยู่บนเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เป็นประตูด้านตะวันออกของไทยเชื่อมเข้าสู่ประเทศลาว และเวียดนามตอนกลาง รวมไปถึงจีนตอนใต้ อย่างหนานหนิงได้

สมศักดิ์ สีบุญเรือง เลขาธิการหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า หลังจากเปิดใช้สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประมาณ
ปีละ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็ขยายตัวมากเช่นกัน มีคนไทยประมาณ 1 แสนคน เดินทางไปท่องเที่ยวในลาวและเวียดนาม โดยใช้เส้นทางสัญจรผ่านถนน R9 และในตอนนี้ก็มีการลงทุนใหม่ๆ เกิดขึ้น เชื่อมโยงการค้าไปสู่ประเทศจีนได้ด้วย ฉะนั้นระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก จะเป็นเส้นทางสายไหมยุคใหม่ได้อย่างแน่นอน

ปัจจุบันในเขตตัวเมืองมุกดาหารมีการลงทุนใหม่ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะภาคการค้าปลีก มีกลุ่มทุนจากกรุงเทพฯ เข้ามาปักหลักหลายรายแล้ว เช่น กลุ่มโกลบอลเฮ้าส์ กลุ่มไทวัสดุ รวมถึงห้างบิ๊กซีและแม็คโคร ซึ่งไม่ได้หวังจะขยายตลาดในมุกดาหารเท่านั้น แต่จะใช้มุกดาหารเป็นฐานเพื่อรุกเข้าไปเจาะตลาดในลาวและเวียดนาม

สำหรับการค้าชายแดนไทย-ลาว มีมูลค่าการค้าเกือบ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มความร่วมมือการค้าชายแดนระหว่างกัน โดยตั้งเป้าขยายการค้าเพิ่มขึ้น15-20% ต่อปี มูลค่ารวม 8,164 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2560 จากปัจจุบันอยู่ที่มูลค่า 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐ

สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้างและส่วนประกอบ น้ำมันเบนซิน เหล็กและเหล็กกล้า ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ทองแดงและผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูป ผลไม้และของปรุงแต่งจากผลไม้ ผัก ลวดและสายเคเบิล

อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบกับเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อนบ้านอย่างแขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว ซึ่งมีพื้นที่ติดกับมุกดาหารแล้ว ต้องยอมรับว่ามุกดาหารยังไม่มีโครงการพัฒนาที่โดดเด่น ขณะที่ในฝั่งสะหวันนะเขตมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน ขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากผลักดันมานานเกือบ 10 ปี โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณที่ติดกับสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 กำลังมีการก่อสร้างร้านค้า อาคารพาณิชย์ และบ้านพักอาศัยอย่างคึกคัก

พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษของลาวจะให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมเบาและอุตสาหกรรมปลอดสารพิษเป็นหลัก เพื่อผลิตและส่งออกโดยตลาดหลักอยู่ที่จีน เช่น ทองคำ อิเล็กทรอนิกส์ และวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบริการ ธนาคาร และโลจิสติกส์

ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวจะได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีตั้งแต่ 2-10 ปี แล้วแต่ขนาดธุรกิจ โดยอัตราภาษีจะเฉลี่ยที่ 8-10% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับธุรกิจท้องถิ่นของลาว นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดระบบบริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน

“วันนี้สะหวันนะเขตเป็นเมืองที่มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 2 รองจากเวียงจันทน์ เป็นจุดศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไปยังแขวงใกล้เคียง รวมทั้งเวียดนามและไทย และกำลังจะกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมใหม่ของลาว เพราะมีการลงทุนพัฒนามานานแล้ว และคาดว่าจะเสร็จเต็มรูปแบบในปี 2560 หากเขตเศรษฐกิจพิเศษฝั่งไทยยังไม่เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว อาจทำให้เสียเปรียบได้” สมศักดิ์ กล่าว

ปัจจุบันการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสะหวัน-เซโน มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่โซนซี หรือสะหวันพาร์ค เป็นเขตอุตสาหกรรมและการค้า มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดนั้น บริษัท สะหวัน แปซิฟิก ดีเวลลอปเม้นท์ กลุ่มทุนจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้ามาร่วมทุนกับลาวพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานประมาณ 4,000 ไร่

ขณะเดียวกัน ยังพบว่าปัจจุบันมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในโครงการแล้วจำนวน 32 บริษัท มูลค่าเงินลงทุน 90 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,700 ล้านบาท ได้แก่ นักลงทุนลาว 11 ราย มาเลเซีย 4 ราย ไทย 4 ราย ญี่ปุ่น 3 ราย ฝรั่งเศส 2 ราย ฮอลแลนด์ 2 ราย ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนจากออสเตรเลีย เบลเยียม ฮ่องกง เกาหลี และบริษัทร่วมทุนลาวกับมาเลเซีย และญี่ปุ่นอีกแห่งละ 1 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีกลุ่ม AEROWORKS มาตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินด้วย ล่าสุดกลุ่มแคนนอน และบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ในเครือโตโยต้า ก็เข้ามาตั้งโรงงานที่สะหวันนะเขตเช่นกัน

นอกจากนี้ สะหวันนะเขตยังมีสนามบินภายในประเทศและระหว่างประเทศอยู่ในเมืองไกสอน พมวิหาน โดยมีเที่ยวบินไป-กลับระหว่างสะหวันนะเขต-กรุงเทพฯ และระหว่างสะหวันนะเขต-นครหลวงเวียงจันทน์

ขณะที่ฝั่งมุกดาหารยังไม่มีสนามบิน ต้องใช้บริการในจังหวัดใกล้เคียงเท่านั้น ได้แก่ สนามบินนครพนม และสนามบินอุบลราชธานี อย่างไรก็ดี ล่าสุดมีการผลักดันให้ก่อสร้างสนามบินที่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร เพื่อรองรับการเดินทางในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ

สมศักดิ์ กล่าวย้ำว่า ขณะที่มีการลงทุนในแขวงสะหวันนะเขตแล้ว ฝั่งมุกดาหารของไทย เพิ่งได้รับมติจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และเพิ่งเห็นชอบโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายบ้านไผ่ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร นครพนม เพื่อสนับสนุนให้มุกดาหารเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์ แม้ว่าจะล่าช้าไปบ้าง แต่ก็เชื่อว่าจะช่วยดึงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว และทำให้เส้นทางคมนาคมขนส่งตามแนวพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เป็นเส้นทางการค้า การลงทุน และท่องเที่ยวที่สำคัญมากขึ้น

สมศักดิ์ มั่นใจว่าเมืองคู่แฝดทางเศรษฐกิจ “มุกดาหารและสะหวันนะเขต” จะเริ่มโดดเด่นเป็นที่หมายตาของนักลงทุนไทยและต่างชาติมากขึ้น

ข่าวล่าสุด

ไทยเบฟคว้า 2 รางวัลอาหารจากเวที RED TABLE AWARDS 2025