ชัญญา ธนศักดิภัทร ผู้บริหารต้องฟังให้มาก
“ชัญญา ธนศักดิภัทร” วัย 43 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยโคโคนัท ผู้ประกอบการแปรรูปมะพร้าวเป็นกะทิและน้ำมะพร้าวเพื่อส่งออก อยู่ระหว่างยื่นเสนอรายการ (ไฟลิ่ง) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
“ชัญญา ธนศักดิภัทร” วัย 43 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยโคโคนัท ผู้ประกอบการแปรรูปมะพร้าวเป็นกะทิและน้ำมะพร้าวเพื่อส่งออก อยู่ระหว่างยื่นเสนอรายการ (ไฟลิ่ง) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
จากจุดเริ่มต้นที่เธอเห็นช่องว่างการตลาดและโอกาสของมะพร้าวไทย จึงชวนพันธมิตร 2 คนที่รู้จักเมื่อตอนประสานงานกันครั้งเป็นพนักงานประจำในบริษัทสายงานอาหารและเครื่องดื่ม มาช่วยกันสร้างให้มะพร้าวไทยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
หลัง “ชัญญา” จบคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เข้าทำงานเป็นผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย ฝ่ายจัดซื้อ บริษัทผลไม้ บริษัทนำเข้า/ส่งออกสินค้าพวกเกษตร ทำให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวเป็นสินค้าที่มีความต้องการ
สูงมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะมะพร้าวน้ำหอมของไทย ประกอบกับทางบ้านมีสวนมะพร้าวจึงตัดสินใจลุยกับธุรกิจนี้
7 ปืที่ผ่านมา รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ถือหุ้นแต่ละคนนำประสบการณ์และความถนัดมาแบ่งงานกันดูแลอย่างชัดเจน คนหนึ่งดูการตลาดช่องทางการจำหน่าย คนหนึ่งดูงานหลังบ้านทั้งหมด และอีกคนดูการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา และบริษัทได้ทุ่มกับการสร้างห้องแล็บตั้งแต่ปีแรกที่ตั้งบริษัทเพื่อคิดค้นและพัฒนาสินค้าตามความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะหลังการไปดูงานที่ต่างประเทศทำให้รู้ว่าต่างประเทศชอบนำกะทิไปเป็นส่วนสำคัญในการผลิตสินค้าตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม หรือเครื่องสำอาง
“1-2 ปี บริษัทก็พยายามเพิ่มสัดส่วนสินค้าแบรนด์ของตัวเองมากขึ้น เช่น กะทิพร้อมดื่มทดแทนการดื่มนม และตอนนี้คนไทยเริ่มมีมุมมองว่ากะทิเป็นประโยชน์มากขึ้น จากแต่ก่อนมองว่ากินแล้วอ้วน ซึ่งจริงๆ อ้วน เพราะนำไปผสมน้ำตาล”
จากจุดเริ่มต้นเป็นองค์กรขนาดเล็กจนปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมด 800 คน หลักการบริหารหรือหลักการทำงานของเธอที่ให้ความสำคัญมากนั่นคือ “การฟังให้มาก” เพราะจากที่เคยเป็นพนักงานประจำมาก่อน ทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ลูกน้องต้องการคืออะไร และเชื่อว่าการที่ผู้บริหารฟังให้มาก ลูกน้องก็จะรู้สึกดี เพราะจริงๆ เวลาทุกคนมีปัญหาส่วนใหญ่จะแยกไม่ออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ถ้ามีปัญหาย่อมกระทบกับงาน ฉะนั้นเพียงเราฟัง เขาก็จะรู้สึกโล่ง ได้ระบายออก จะรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข และพร้อมทำงาน ทุกวันนี้ 08.00-9.30 น. จะเป็นเวลาที่เธอคุยโทรศัพท์กับหัวหน้าฝ่ายว่าภายในฝ่ายมีปัญหาเรื่องงาน ปัญหาส่วนตัว หรือมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเป็นประจำทุกเช้า
นอกจากนั้น ยังให้ความใส่ใจกับการพัฒนาองค์ความรู้กับพนักงานทุกคน เพราะเชื่อว่าทุกคนต้องการพัฒนาชีวิตตัวเองให้มีความก้าวหน้า ดังนั้นจึงต้องจริงใจและซื่อสัตย์ก็จะได้สิ่งเดียวกันกลับมา
ยามว่างผู้บริหารหญิงคนนี้ ชอบอ่านหนังสือจิตวิทยาหรือเทคนิคการบริหารงาน รวมถึงอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งต้องฝึกโยคะ


