DHEVAN DARA เครื่องประดับกลิ่นอายตะวันออก
ในปีที่ผ่านมาไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ คิดเป็นมูลค่าราว 10,080 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดย ดวงใจ จิตต์มงคล
ในปีที่ผ่านมาไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ คิดเป็นมูลค่าราว 10,080 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.05% เทียบกับปี 2556 เป็นผลจากการส่งออกทองคำได้น้อยลง ด้วยนักลงทุนเทขายทองและหันไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นแทน แต่การส่งออกอัญมณีของไทยก็ยังเป็นอันดับที่ 14 ของโลก โดยในปีนี้คาดว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับจะกลับมาขยายตัวได้ 4-5% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
แนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้ผู้ผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับเทรนด์โลกมากขึ้น เพื่อให้สินค้ามีความเป็นไลฟ์สไตล์และแฟชั่น แต่ยังคงความเป็นสไตล์ของแบรนด์เอาไว้ เช่นเดียวกับ ณัฏฐ์ปุณณภา นันทพัทธ์นพิน ผู้ก่อตั้งเครื่องประดับแบรนด์ “เทวัญดารา” (DHEVANDARA)
ณัฏฐ์ปุณณภา เล่าถึงที่มาแบรนด์เครื่องประดับดังกล่าว ที่ต่อยอดมาจากธุรกิจครอบครัวในรุ่นคุณพ่อ-คุณแม่ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับงานเพชร ทองคำ หรือฟายน์ จิวเวลรี่ มานานเกือบ 20 ปี จนมาถึงในรุ่นลูก ซึ่งมีพี่สาวเข้ามารับช่วงดูแลกิจการดังกล่าว พร้อมเริ่มดำเนินธุรกิจใหม่ด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่พักโรงแรม รีสอร์ท ระดับ 5 ดาว คือ โรงแรม เทวัญ ดารา รีสอร์ท แอนด์ สปา ใน อ.หัวหิน จ.ประจวบ คีรีขันธ์ เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน
จากธุรกิจเครื่องประดับและอสังหาริมทรัพย์นี่เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ณัฏฐ์ปุณณภา หันมาจับธุรกิจใหม่ที่เป็นสไตล์ของเธอเองเป็นชิ้นแรก คือ งานออกแบบเครื่องประดับจากวัสดุเงินเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด “โอเรียนทัล” ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นตะวันออกสอดคล้องกับธุรกิจโรงแรม เทวัญดารา รีสอร์ท ของที่บ้านด้วย
นอกจากนี้ เครื่องประดับแบรนด์เทวัญดารา ยังมีอีกหนึ่งจุดเด่น คือ เลือกใช้ “พลอยแท้” จากความชำนาญในการเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ซึ่งได้มาจากธุรกิจเดิมของครอบครัว มาใช้ประดับร่วมกับตัวเรือนเงินในเครื่องประดับประเภทต่างๆ ทั้งสร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล แหวน ฯลฯ
สำหรับแนวทางการทำตลาดสินค้าเครื่องประดับแบรนด์ดังกล่าว จะเป็นทั้งรูปแบบเมดทูออร์เดอร์หรือผลิตตามความต้องการลูกค้าในรูปแบบค้าส่ง ซึ่งราคาจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับการออกแบบและพลอยที่เลือกใช้ โดยวางราคาจำหน่ายในรูปแบบชุด (เซต) เครื่องประดับ ประกอบด้วย สร้อยคอ ต่างหู หรือสร้อยคอมือ เป็นต้น สนนราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 80-1,200 เหรียญสหรัฐ/เซต
รวมถึงราคาขายปลีกที่จำหน่ายสินค้าทั้งแบบแยกชิ้น หรือแบบเซต เช่น แหวน เริ่มต้นราคาที่ 180 เหรียญสหรัฐขึ้นไป หรือหากเป็นสินค้าเครื่องประดับชิ้นใหญ่ขึ้นไป จะมีราคาตั้งแต่ 6,000-1 แสนบาท โดยปัจจุบันเปิดร้านเครื่องประดับแบรนด์เทวัญดารา 2 แห่ง ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม
นอกจากนี้ แบรนด์เทวัญดารายังได้ขยายช่องทางการทำตลาดผ่านออนไลน์ด้วย แต่เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ รวมถึงฐานกลุ่มลูกค้าเดิมมากกว่า ซึ่งจะไม่ได้เน้นช่องทางนี้มากนัก ด้วยถือว่าแบรนด์เทวัญดารานั้นมีจุดเด่นเรื่องการออกแบบ ซึ่งไม่สามารถนำทุกแบบสินค้ามาลงแสดงไว้ได้หมด หรือหากมีการนำแบบที่ได้รับความนิยมสูงมาแสดงไว้ ก็จะมีปัญหาลอกเลียนแบบสินค้าตามมา
สำหรับแผนการทำตลาดในปี 2558 นี้ ได้วางแผนหาผู้ซื้อ (บายเออร์) รายใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างหลังที่พบว่ามีโอกาสเติบโตสูง ด้วยต่างชาติให้ความเชื่อถือในงานฝีมือของไทยทั้งการออกแบบและผลิตสินค้าที่ประณีต โดยในปีนี้วางเป้าหมายคาดว่าจะมีบายเออร์เพิ่มขึ้นเป็น 150-200 ราย
“ในช่วงนี้แม้ว่าเศรษฐกิจประเทศยุโรปจะชะลอตัว ทำให้เราต้องปรับแผนการทำตลาดและหันไปมองในประเทศสหรัฐอเมริกาทดแทน จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงฮ่องกงด้วยที่ให้การตอบรับสินค้าเครื่องประดับที่มีการออกแบบจากไทย” ณัฏฐ์ปุณณภา กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงต้นปี ราวเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมานั้น แบรนด์เทวัญดารามีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นราว 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2556 คาดว่ามาจากบรรยากาศภายในประเทศที่ดีขึ้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากขึ้น จากเมื่อ 1-2 ปีก่อน ธุรกิจเครื่องประดับอัญมณีในภาพรวมค่อนข้างชะลอตัว ทำให้เจ้าของแบรนด์เร่งปรับตัว
ถือเป็นอีกหนึ่งความคิดสร้าง สรรค์ของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่ต้องพัฒนาและปรับตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้ธุรกิจก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
จุดเด่นธุรกิจ
แนวคิดการออกแบบความชำนาญการคัดวัตถุดิบเลือกช่องทางขายหลักการมองหาตลาดใหม่เสมอ


